“ถ้าพวกเขาทำตัวเป็นพวกอภิสิทธิ์ มันก็หมายความว่าทุกๆ คนจะเป็นชนชั้นที่สอง” ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าวโจมตีสหรัฐฯ “พวกเขามีชีวิตติดอยู่กับอดีต ภายใต้ภาพลวงตาของตัวเอง” โดยคำพูดของปูตินครั้งนี้ ถูกระบุจากทางการรัสเซียว่าเป็นสุนทรพจน์ที่ “สำคัญอย่างมาก” แต่กลับเป็นการขึ้นพูดที่ล้าช้ากว่าชั่วโมงครั้ง
ในเวลาต่อมา ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบประธานาธิบดีรัสเซียออกมาอ้างว่า ความล่าช้าดังกล่าวเกิดขึ้นจากการโจมตีทางไซเบอร์ “ขนาดใหญ่” ต่อระบบคอมพิวเตอร์ของที่ประชุมเศรษฐกิจนานาชาติเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กประจำปี ซึ่งเป็นงานที่มีชนชั้นนำทางด้านการเมืองและธุรกิจของรัสเซียเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก
ในงานดังกล่าว ปูตินได้พยายามหาทางออกผ่านเหล่าชนชั้นนำทางการเมืองและธุรกิจของรัสเซีย หลังจากประเทศของตนเองถูกคว่ำบาตรโดยชาติตะวันตกอย่างหนัก พร้อมกันนี้ ประธานาธิบดีรัสเซียยังได้ชี้อีกว่าการคว่ำบาตรต่อประเทศของตนนั้นเป็น “ความประมาทและความบ้า” ของโลกตะวันตก
“พวกเราเป็นคนแข็งแกร่ง และสามารถจัดการกับความท้าทายทุกอย่าง เช่นเดียวกันกับบรรพบุรุษของพวกเรา พวกเราจะแก้ปัญหาทุกอย่าง ประวัติศาสตร์ตลอดหลายพันปีของประเทศเราได้เปร่งเสียงออกมา” ปูตินระบุในสุนทรพจน์ของตน ก่อนที่จะชี้ว่า สหภาพยุโรปได้สูญเสีย “อธิปไตยทางการเมือง” ของตนเองทั้งหมดไปให้กับสหรัฐฯ ในการตัดสินใจอะไรเอง จนทำให้มีการประกาศคว่ำบาตรรัสเซีย “ชาติยุโรปกำลังรับมือกับภาวะเศรษฐกิจที่พังทลายของตนเอง” ปูตินกล่าว
ตลอดสุนทรพจน์นานนับชั่วโมงของปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียพยายามกล่าวโจมตีว่าชาติตะวันตกพยายามนำปัญหาทางเศรษฐกิจ มาผูกโยงเข้ากับสงครามในยูเครน เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจของสาธารณชนออกไป จากปัญหาเงินเฟ้อในแต่ละประเทศ ที่กำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
“เราได้ยินสิ่งที่เรียกว่าเงินเฟ้อปูตินจากตะวันตก” ประธานาธิบดีรัสเซียกล่าว “เมื่อผมเห็นเรื่องนี้ ผมคิดตลอดว่า ‘ใครมันจะโง่อะไรได้ขนาดนี้’ จากคนบางคนที่อ่านไม่ออกเขียนไม่ได้” ทั้งนี้ ปูตินระบุว่าวิกฤตทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นจากการที่โลกตะวันตกไม่สามารถควบคุมการเงินของตนได้ ซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญของวิกฤตในปัจจุบัน มากกว่าสิ่งที่กิดขึ้นในยูเครนโดยฝีมือของตน
นอกจากนี้ ปูตินยังได้กล่าวหาว่าโลกตะวันตกคือต้นเหตุของวิกฤตอาหารโลกในตอนนี้ จากการ “ตัดเสบียง” อาหารจากทั่วโลก “ภาวะอดอยากในประเทศยากจน ขึ้นอยู่กับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของรัฐบาลสหรัฐฯ และพวกข้าราชการยุโรป” ปูตินกล่าว ทั้งนี้ ปูตินพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงสงครามที่รัสเซียกำลังทำในยูเครน ก่อนที่จะเรียกสงครามว่าเป็นเพียงแค่ “ปฏิบัติการพิเศษทางการทหาร” อย่างที่รัสเซียเรียกสิ่งที่เกิดขึ้นในยูเครนตลอดระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา
ในช่วงของการตอบคำถามผู้สื่อข่าว ปูตินระบุว่าการทำสงครามในยูเครนนั้นมี “ความชอบธรรมสูงสุด” ก่อนที่จะเล่นมุกใส่ข่าวลือที่ว่าตนเองป่วยด้วยโรคมะเร็งว่า “อย่างที่ มาร์ก ทเวน เคยกล่าวเอาไว้ ‘'ข่าวลือเกี่ยวกับการตายของผมเกินจริงไปมาก’”
ทั้งนี้ ในงานประชุมของปีนี้ที่รัสเซียจัดขึ้น กลับมีเพียงผู้นำทางด้านธุรกิจและการการเมืองระดับโลกมาเข้าร่วมเพียงแค่ไม่กี่คน โดยไม่มีนักลงทุนจากสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปเดินทางมาเยือนการประชุมในปีนี้เลย มีเพียงแต่ตัวแทนจากแอฟริกา คิวบา เวเนซูเอลา เมียนมา และตาลีบัน รวมถึงพันธมิตรใกล้ชิดปูตินอย่าง อเล็กซานเดอร์ ลูคาเชนโก ผู้นำเผด็จการจากเบลารุส และ คาสซิม โจมาร์ต โทกาเยฟ ผู้นำเผด็จการของคาซัคสถาน
ที่มา: