วันที่ 24 ต.ค. 2565 ที่กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีที่ คเณศพิศณุเทพ จักรภพมหาเดชา หรือ เค ร้อยล้าน ที่บุกล็อกคอ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ในระหว่างแจกลายเซ็นที่งานมหกรรมหนังสือระดับชาติ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวานนี้ (23 ต.ค. 2565) ว่า เราต้องมีการบังคับใช้กฎหมายในทุกคดีที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในสถานที่ราชการ เราจะเน้นย้ำเป็นพิเศษ หรือพบเห็นเป็นความผิดซึ่งหน้าก็จะดำเนินการเลย แต่อย่างกรณี ธนาธร ที่ได้ไปแจ้งความ และทาง สน. ลุมพินี ได้รับคำร้องทุกข์เรื่องทำร้ายร่างกายแล้ว ส่วนเรื่องที่พูดว่ามีระเบิด เราดำเนินคดีอยู่ ซึ่งพบว่า พฤติกรรมมีประวัติเกี่ยวกับทางจิต ก็จะต้องส่งไปตรวจอีก โดยอยู่ระหว่างการตรวจของจิตแพทย์อยู่ 

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า เขาเป็นผู้ใหญ่แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องเฉพาะตัว เราต้องรอผลการตรวจของแพทย์เพื่อมาประกอบการพิจารณา เรื่องนี้ดำเนินคดีตามกฎหมายเป็นข้อหาอัตราโทษทั้งจำคุก และปรับ แต่เป็นลหุโทษ และผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ เราจะดำเนินคดีโดยการสรุปสำนวนคดี แต่ก็ต้องรอผลของแพทย์มาประกอบ 

"เป็นเคสที่ต้องถอดบทเรียนว่า พวกที่เป็นจิตเภทนั้น เราเอาปัญหาตรงนี้ให้หมอตรวจสอบ และให้คำแนะนำว่า หลังจากนี้เขาต้องดูแลตัวเองอย่างไร สามารถออกมาใช้ชีวิตได้หรือไม่" พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์กล่าว 

ผู้สื่อข่าวถามว่า จากกรณีที่เกิดขึ้น มีความกังวลต่อการรักษาความปลอดภัยในช่วงการประชุมเอเปค หรือไม่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า ตอนนี้เขาอยู่ในการรักษาของแพทย์ ซึ่งอยู่ในสายตาตำรวจ และยิ่งการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค คนประเภทนี้จับตาทุกฝีก้าว เพื่อไม่ให้มีปัญหา ทั้งฝ่ายผู้เห็นต่าง เราต้องใช้ทุกมาตรการป้องกันให้ดีขึ้น 

เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเคยระบุว่า จะมีการดำเนินคดีกับญาติ และผู้ดูแลที่ปล่อยให้ เค ร้อยล้าน ออกมาก่อความวุ่นวาย เรื่องนี้คืบหน้าอย่างไร ผบ.ตร. ระบุว่า ในส่วนนี้ต้องขออนุญาตตรวจสอบอีกที 

อย่างไรก็ตาม เมื่อวานนี้ (23 ต.ค. 2565) ด้าน พ.ต.ต.ประกัน กาวี สว.สอบสวน สน.ลุมพินี ได้ระบุว่า เบื้องต้นแจ้งข้อกล่าวหา เค ร้อยล้าน ในฐานความผิดลหุโทษ ตามมาตรา 384 ผู้ใดแกล้ง บอกเล่าความเท็จให้เลื่องลือจนเป็นเหตุให้ประชาชนตื่นตกใจ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ รวมทั้งต้องดูว่าจะมีผู้เสียหายรายอื่นมาแจ้งข้อกล่าวหาอีกหรือไม่