ไม่พบผลการค้นหา
กรี๊ดสนั่น! 'ชัชชาติ' ตรวจโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา กำชับเด็ก "อยู่ให้ห่าง ห้ามไปยุ่ง หากพบให้แจ้งคุณครู" สั่งเฝ้าระวังกระท่อมขายรอบโรงเรียน

ตั้งแต่เวลา 07:00 น. ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. ลงพื้นที่ตรวจโรงเรียนต้นแบบปลอดกัญชา กัญชง และ ใบกระท่อม ที่โรงเรียนวิชูทิศ สำนักงานเขตดินแดง โดยมี ศานนท์ หวังสร้างบุญ รองผู้ว่าฯกทม. ร่วมลงพื้นที่ด้วย ด้านผู้บริหาร บุคลากร และนักเรียน ให้การต้อนรับอย่างคึกคัก

โดย ชัชชาติ เริ่มต้นด้วยการเยี่ยมชมร้านกาแฟและเบเกอรี่ ซึ่งเป็นศูนย์เรียนรู้ทักษะอาชีพนักเรียน มีการพูดคุยให้กำลังใจนักเรียนระหว่างทำงาน พร้อมมองว่า เป็นเรื่องดีกับการส่งเสริมการประกอบอาชีพเศรษฐกิจสร้างสรรค์ 

จากนั้น ได้มาพบกลุ่มนักเรียนที่อยู่ระหว่างการอ่านประกาศ กทม. เรื่องการเฝ้าระวังปัญหาจากการใช้กัญชาและกัญชงในโรงเรียน และป้ายประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ทั้งคุณและโทษของกัญชา โดย ชัชชาติ ให้นักเรียนอ่านผลระยะยาวของการใช้กัญชาให้ฟัง และถามเด็กนักเรียนว่า ‘กัญชาดีไหม’ ‘กัญชงดีไหม’ นักเรียนตอบโดยพร้อมเพรียงกันว่า ‘ไม่ดีครับ’ 

เมื่อถามว่า ‘รู้จักกระท่อมไหม’ นักเรียนตอบว่า ‘ไม่รู้จักครับ’ ชัชชาติ จึงกล่าวแซวว่า ‘กระท่อมอยู่รอบๆ โรงเรียนเลย’ โดยได้กำชับว่า ห้ามเด็กๆเข้าไปยุ่งเกี่ยว ให้อยู่ห่างๆ อย่าให้กระท่อมเข้ามาในโรงเรียน มีอะไรให้บอกคุณครู เพราะเป็นสิ่งเสพติดไม่เหมาะกับเด็กๆ

จากนั้น ชัชชาติ เดินตรวจร้านอาหารต่างๆที่อยู่หน้าโรงเรียน ซึ่งแต่ละร้านก็มีป้ายยืนยันว่า ‘อาหารร้านนี้ไม่มีส่วนผสมของกัญชา/กัญชง/ใบกระท่อม’ รวมทั้งมาตรการความปลอดภัยต่างๆรอบโรงเรียน อาทิ ทางม้าลาย ไฟจราจร เป็นต้น

นอกจากนี้ เวลา 08:00 น. ชัชชาติ ยังได้ขึ้นกล่าวทักทายนักเรียนหลังการเข้าแถวเคารพธงชาติและสวดมนต์ด้วยว่า “วันนี้ลุงมาดูเรื่องกัญชา กัญชง กระท่อม อยากให้โรงเรียนของเราปลอดสิ่งพวกนี้ ขอ ให้ทุกคนเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียนหนังสือ ช่วยเหลือครอบครัว ดูแลชุมชน แล้วก็หาเวลาพักผ่อน ออกกำลังกายด้วย”

ภายหลังตรวจโรงเรียนต้นแบบ ชัชชาติ กล่าวว่า โรงเรียนวิชูทิศ เป็น 1 ใน 437 โรงเรียนของกทม.ที่มี นโยบายโรงเรียนปลอดกัญชา กัญชง และกระท่อม และเมื่อมีการเปิดเสรีมากขึ้น ก็กังวลว่าจะมีผลกระทบในโรงเรียน โดยเฉพาะถนนประชาสงเคราะห์ที่อยู่หน้าโรงเรียน มีใบกระท่อมขายทั้งถนน ซึ่งก็เป็นการรุกเข้ามาใกล้โรงเรียนแล้ว เด็กๆอาจจะมองเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นคุณครูก็จะต้องให้ความรู้กับนักเรียนถึงพิษภัย ว่ามีความร้านแรงไม่ต่างจากกัญชา

และเมื่อมีการนำนโยบายมา ทางโรงเรียนก็ได้ทำแผ่นพับ ป้ายให้ความรู้ต่างๆ ซึ่งไม่ได้กังวลในโรงเรียนเพราะสามารถควบคุมได้ แต่กังวลร้านค้านอกโรงเรียนจึงได้มีการประชาสัมพันธ์และนำป้ายไปติด รวมถึงให้ครูผู้ปกครอง เทศกิจ คอยตรวจตรารอบๆโรงเรียนด้วย หากพบการขายให้นักเรียนหรือบุคลากรให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ซึ่งถือเป็นก้าวแรก

ทั้งนี้ ขอบคุณร้านค้าที่ให้ร่วมความร่วมมือ เพราะเป็นสิ่งสำคัญ อย่าดูแค่ความร่วมมือระยะสั้น ต้องดูผลประโยชน์ระยะยาวด้วย ที่ดูว่ากัญชาอาจจะกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจจะเป็นแค่ของคนกลุ่มหนึ่ง แต่อย่าเอานักเรัยนมายุ่งเกี่ยวเพราะเป็นกลุ่มที่เปราะบางและยังมีพัฒนาการอีกเยอะ รวมถึงอาจจะยังไม่มีวิจารณญาณที่จะเลือกได้ ดังนั้นโรงเรียนก็ต้องทำหน้าที่ในการดูแล

ส่วนจะมีมาตรการดูแลป้องกันการขายได้อย่างไรนั้น มองว่า ในโรงเรียนสามารถดูแลได้ แต่นอกโรงเรียนคงทำได้ยาก จะต้องแจ้งเจ้าหน้าที่อย่างเดียวในการสอดส่องดูแลเพราะมีกฎหมายห้ามจำหน่ายกับเด็กอยู่แล้ว และหากนักเรียนมีปัญหาก็ให้แจ้งคุณครูเพื่อเข้าไปตรวจสอบ

ชัชชาติ ยังบอกอีกว่า ความปลอดภัยของนักเรียนไม่ใช่แค่ยาเสพติด แต่ยังมีเรื่องการเดินทางมาโรงเรียน จึงต้องเน้นย้ำดูทางม้าลาย พบว่านักเรียนเดินทางมาโรงเรียนโดยรถจักรยานยนต์ถึง70% และไม่มีหมวกกันน็อค จึงได้อยู่ระหว่างการจัดหาหมวกกันน็อค 120,000ใบ มาให้เด็ก โดยจะมีนโยบายให้เป็นของกลางของโรงเรียนและจะให้เด็กมายืมไปใช้ในแต่ละเทอม