สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เผยแพร่เอกสารข่าวโดยระบุว่า ตามที่ปรากฏว่ามีพรรคการเมืองบางพรรคมีข้อสงสัยเกี่ยวกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งตามที่ กกต. ได้แถลงเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 33,775,230 คน หรือร้อยละ 65.96 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง แต่ในวันที่ 28 มีนาคม 2562 กกต. ได้แถลงว่ามีจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 38,268,375 คน หรือร้อยละ 74.69 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ซึ่งมีความแตกต่างจากเดิมคือ 4,493,145 คน นั้น
สำนักงาน กกต. ขอชี้แจงว่า ข้อมูลที่ได้แถลงเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนร้อยละ 65.96 หรือ 33,775,230 คน เป็นข้อมูลจากระบบรายงานผลอย่างไม่เป็นทางการ โดยในการแถลงข่าววันนั้นได้ชี้แจงแล้วว่า เป็นข้อมูลจากหน่วยเลือกตั้งที่รายงานเข้ามาร้อยละ 90 ของหน่วยเลือกตั้ง (83,088 หน่วย) จากทั้งหมด 92,320 หน่วย ซึ่งยังคงเหลืออีก 9,232 หน่วยที่ยังมิได้รายงานข้อมูลเข้ามา อีกทั้งยังไม่รวมจำนวนคะแนนที่มาจากการเลือกตั้งล่วงหน้า (ในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้ง และนอกราชอาณาจักร) อีกจานวน 2 ล้านกว่าบัตร
สำหรับข้อมูลที่มีการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2562 ว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวนร้อยละ 74.69 (38,268,375 คน) เป็นข้อมูลที่เพิ่มขึ้นเมื่อได้รับรายงานเป็นเอกสารจากทุกหน่วยเลือกตั้งครบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว จึงมิใช่กรณีที่จำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติหรือเกิดจากการทุจริตแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ข้อมูลดังกล่าวเป็นข้อมูลที่สำนักงาน กกต. ได้แถลงชี้แจงไว้ด้วยแล้วเช่นกันเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2562 พร้อมระบุด้วยว่า การรายงานผลการนับคะแนนอย่างเป็นทางการ เป็นการรวบรวมจากเอกสารรายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้ง ส.ส. ในแต่ละหน่วยเลือกตั้ง ส่งมารวมกันที่เขตเลือกตั้ง ก่อนส่งไปที่จังหวัดเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง แล้วจึงส่งเอกสารผลการนับคะแนนรายเขตเลือกตั้งมายังส่วนกลาง โดยในการเลือกตั้งครั้งนี้ ใช้ระยะเวลาประมาณ 5 วัน ซึ่งเท่ากับการเลือกตั้งทุกครั้งที่ผ่านมา ไม่ได้มีความล่าช้าในการรายงานผลการนับคะแนนเลือกตั้งแต่อย่างใด โดยหากสาธารณชนหรือพรรคการเมืองใดยังมีข้อสงสัยในประเด็นใดสามารถสอบถามจากสำนักงาน กกต.ได้