พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นประธานพิธีมอบนโยบายแก่สภาเกษตรกรแห่งชาติ สนับสนุนให้เกษตรกรพึ่งตนเองอย่างมีศักดิ์ศรี พร้อมชมนิทรรศการของเกษตรกร
นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สมาชิกทุกคนในห้องนี้ถือเป็นตัวแทนของเกษตรกรทั้ง 77 จังหวัดในประเทศเรา ซึ่งประเทศเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ที่ต้องทำยังไงให้ประเทศเกษตรกรรมของเรามีรายได้ที่สูงขึ้น มีรายได้มั่นคงขึ้นสอดคล้องกับโลกยุคใหม่ในยุค 4.0
โดยรัฐบาลจำเป็นต้องดูทั้ง 2 มาตรการในมาตรการแรกดูแลผู้มีรายได้น้อยต่ำกว่า 30,000 ในการดูแลในการดำรงชีวิตให้อยู่ได้ตนมองว่าทุกคนคือพ่อแม่พี่น้องของตัวเอง ทุกอย่างต้องแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน และตนก็หวังว่างบประมาณคงผ่าน เพราะหากไม่ผ่านคนเดือดร้อนคือคนทั้งประเทศ เกษตรกรเองก็เดือดร้อน
ย้ำต้องรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
นายกรัฐมนตรี ยังได้เน้นย้ำถึงการจงรักภักดีในชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ โดยระบุว่า ชาติคือสิ่งที่ทุกคนร่วมกันเป็นประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ชาตินั้นรวมทั้งคนและแผ่นดินผืนน้ำและอากาศ ชนชาติไทยทุกคนต้องรักกันไม่ทิ้งกัน ต้องมีจิตใจเป็นตัวแทนสาธารณะซึ่งกันและกัน และประคับประคองกันไปจากชาติลงมาสู่สังคม
ส่วนศาสนา ดินแดนนี้เคารพศาสนาอะไรก็ได้แต่มีศาสนาพุทธเป็นหลัก ขอให้ยึดมั่นในใจอย่างน้อยคือเบญจศิลป์
ด้านพระมหากษัตริย์ ตนทราบดีว่าทุกคนรู้อยู่แล้วที่มีกฎหมาย เพื่อไม่ให้ไปล่วงล้ำ เนื่องจากพระมหากษัตริย์ป้องกันตนเองไม่ได้ จึงต้องมีกฎหมายนี้เกิดขึ้น หากไม่ทำผิดกฎหมายก็จะไม่เกิดเรื่อง นี่คือเรื่องที่หลายคนพูดถึง ซึ่งตนไม่ทราบว่าผู้พูดเป็นผู้ไม่หวังดีหรือไม่ ซึ่งเป็นเรื่องที่อันตรายกับประเทศ
"ประเทศมีพระมหากษัตริย์มาตั้ง 400 ปีแล้ว และสิ่งที่สำคัญนอกจากชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ คือประชาชน ตนมีหน้าที่มากขึ้นที่ต้องดูแลคน 70 กว่าล้านคนที่มีความคิดแตกต่างกันไป แต่หากมีผู้นำและประชาชนเข้มแข็ง ประเทศไทยอีกไม่กี่ปีตนรับรองว่าจะดีกว่านี้ ซึ่งจะต้องศรัทธาโอกาสกำลังรออยู่ข้างหน้า หากมีศรัทธาทุกอย่างก็จะสำเร็จ"
นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังตัดพ้อว่า เวลาพูดไม่ค่อยมีใครเข้าใจ "แปลกดี" รวมถึงมีหลายคนที่พยายามไม่เข้าใจ