พันตำรวจเอก จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่า สำนักงาน กกต. ได้เตรียมเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ กกต. พิจารณาเกี่ยวกับรูปแบบสูตรการคิดคำนวณหา ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ซึ่งในเบื้องต้นมีอยู่ 2 รูปแบบ โดยหนึ่งในสูตรที่สำนักงาน กกต. นำมาใช้และเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ กกต. คือสูตรที่เป็นของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ผ่านการพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
ส่วนการที่ผู้ตรวจการแผ่นดิน ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเกี่ยวกับข้อกฎหมายในการคำนวนสูตร ส.ส. บัญชีรายชื่อนั้น ตามกระบวนการของกฎหมายหากไม่มีคำสั่งศาลเป็นอย่างอื่นในระหว่างนี้สำนักงาน กกต. จะเดินหน้าเสนอสูตรการคำนวณให้คณะกรรมการ กกต. พิจารณา และประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการต่อไป
เลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการตรวจสอบคุณสมบัตินายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่ออันดับที่ 1 ว่า เมื่อมีคำร้องมา กกต. ต้องตรวจสอบเพื่อให้การเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรม นำไปสู่การประกาศผลการเลือกตั้งภายใน 60 วัน ซึ่งช่วงนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการตรวจสอบคำร้องทุกคำร้องที่ส่งมายัง กกต. โดยขณะนี้มีกว่า 400 คำร้อง
ส่วนกรณีการแจกใบส้มนั้นจะขึ้นอยู่กับพยานหลักฐานในแต่ละสำนวน ไม่สามารถตั้งต้นได้ว่าจะให้ใบส้มจำนวนเท่าใด ทั้งนี้เบื้องต้นได้กำหนดการเลือกตั้งใหม่ในเขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ ไว้ในช่วงปลายเดือนพฤษภาคมนี้
รองโฆษกเพื่อชาติ ขอประชาชนจับตาการทำงานของ กกต. หวั่นติดคุกหากทำผิดกฎหมาย
ด้านนายรยุศด์ บุญทัน รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวแสดงความคิดเห็นถึงกรณี สถานการณ์การเมืองไทย หลังครบกำหนดรับรอง ส.ส. ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2562 ว่า ผ่านวันเลือกตั้งมาเดือนกว่าแล้ว แต่เป็นที่น่าประหลาดใจว่ายังไม่มีความชัดเจนใดๆ ในเรื่องของจำนวน ส.ส. ที่ยังไม่มีการรับรองแม้แต่คนเดียว แม้กระทั่งวิธีการคำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ ต่างจากการเลือกตั้งครั้งอื่นๆ ที่ผ่านมา หรือการเลือกตั้งในทุกประเทศทั่วโลก
ณ วันนี้ ทุกคนต่างฝากความหวังไว้กับ กกต. แม้ประชาชนจะเกิดวิกฤตศรัทธากับการทำงานของ กกต. ก็ตาม แต่ความหวังเดียวที่จะทำให้ประเทศนี้มีรัฐบาลใหม่เกิดขึ้น คือการทำงานของ กกต. ต้องสำเร็จ รับรอง ส.ส. ได้ครบจำนวน ตามกฎหมายกำหนดภายในกรอบเวลา ซึ่ง อีกประเด็นสำคัญที่จะส่งผลต่อจำนวน ส.ส. ของแต่ละพรรคการเมือง คือ สูตรการคำนวณ ส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อ ที่นักวิชาการ นักกฎหมายส่วนใหญ่ ก็ได้ออกมาแสดงถึงสูตรที่ตรงกัน ตามรัฐธรรมนูญก่อนที่ กกต.จะมีการเปิดวิธีคำนวณอีกแบบออกมา ซึ่งวิธีดังกล่าวนี้ส่งผลให้ พรรคที่ได้คะแนนเสียง 3 - 4 หมื่นคะแนน ได้ ส.ส. เช่นเดียวกับพรรคที่ได้เจ็ดหมื่นคะแนน
ทั้งนี้ แม้จะมีการออกมาแสดงความคิดเห็นว่าการคำนวณดังกล่าว ขัดรัฐธรรมนูญ จนทำให้ กกต.ส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ แต่ศาลรัฐธรรมนูญก็ไม่รับเรื่อง โยนกลับให้ กกต. เป็นผู้ตัดสินใจตามหน้าที่ด้วยตัวเอง
รองโฆษกพรรคเพื่อชาติ กล่าวต่อว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ทุกคะแนนมีความหมายอย่างมาก ด้วยการรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาล ไม่ว่าฝั่งใดก็ค่อนข้างปริ่มน้ำ เสียงสองเสียงก็มีความหมาย ส่งผลทำให้แพ้ชนะ หรือส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลได้ ทั้งนี้ตนก็ขอฝากพี่น้องประชาชนช่วยกันจับตาดูการเมืองไทยอย่างใกล้ชิด ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ รวมถึงเฝ้าดูการตัดสินใจของ กกต. ที่เสมือนเป็นผู้เลือกชะตากรรมการเมืองไทย รวมถึงเลือกชะตากรรมตัวเองด้วย เพราะการเลือกสูตรคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อซึ่งจะทำให้ฝั่งใดได้เปรียบ หรือเสียเปรียบนั้น ถ้าหากขัดหรือแย้งกับกฏหมายรัฐธรรมนูญ การตัดสินใจนั้นย่อมส่งผลให้ กกต. อาจจะต้องติดคุกหรือถูกดำเนินคดีภายหลังได้ ดังนั้นตนจึงอยากให้ประชาชนคนไทยช่วยกันติดตามอย่ากะพริบตา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :