ไม่พบผลการค้นหา
ธ.ก.ส.ชี้แจง 'เลิกจ้าง' พนักงานสาว ไม่ได้เกิดจากเปิดเผยเรื่องจำนำข้าว แต่เพราะมีพฤติกรรมจงใจฝ่าฝืนข้อห้ามธนาคาร จงใจกระทำผิดซ้ำทั้งที่ถูกภาคทัณฑ์ พร้อมนำเอกสารภายในไปเผยแพร่สร้างความเสียหายแก่องค์กร แจงหากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม พนักงานมีสิทธิอุทธรณ์

ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีอดีตพนักงานถูกเลิกจ้าง โดยระบุว่า ตามที่มีข่าว กรณี น.ส.ชญาดา ตระกูลรุ่งโรจน์ อดีตพนักงาน ธ.ก.ส. ถูกเลิกจ้างด้วยเหตุเปิดเผยข้อมูลจำนำข้าวนั้น 

ธนาคารขอชี้แจงข้อเท็จจริงดังนี้ 

1.การเลิกจ้าง น.ส.ชญาดา นั้น มิใช่เหตุจากการเปิดเผยข้อมูลจำนำข้าวแต่อย่างใด หากเกิดจากมีพฤติกรรมจงใจ ฝ่าฝืนข้อห้ามหรือคำสั่งของธนาคารอันชอบด้วยกฎหมาย เป็นการกระทำผิดซ้ำพฤติกรรมที่ถูกลงโทษภาคทัณฑ์และธนาคารได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว โดยเขียนข้อความในลักษณะที่ไม่เหมาะสมด้วยการตำหนิ ดูหมิ่น ผู้บังคับบัญชาพนักงานผู้อื่นและธนาคาร และนำเอกสารข้อมูลของธนาคารที่ไม่ควรเผยแพร่ ข้อมูลที่ใช้สื่อสารภายในธนาคารโดยเฉพาะ หรือข้อมูลอื่นใดที่จะก่อให้เกิดข้อสงสัยหรือความเข้าใจผิดเกี่ยวกับธนาคารเผยแพร่ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ทำให้มีบุคคลอื่นมาแสดงความคิดเห็นในลักษณะที่ทำให้ธนาคารเสื่อมเสียชื่อเสียง 

นอกจากนี้ ยังพบว่า มีการแสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมกระด้างกระเดื่องต่อผู้บังคับบัญชา ละทิ้งงานในหน้าที่ และไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย จึงเป็นเหตุอันสมควรที่ไม่อาจไว้วางใจให้ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้  

ทั้งนี้ ผู้ถูกเลิกจ้าง หากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม มีสิทธิยื่นอุทธรณ์ ซึ่งเป็นไปตามคำสั่งธนาคารที่ 11404/2561 เรื่อง การเลิกจ้างพนักงาน ตามที่ น.ส.ชญาดา นำเผยแพร่ อนึ่ง ธนาคารอยู่ระหว่างพิจารณาข้อความหรือถ้อยคำที่เผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ที่มีลักษณะเป็นการดูหมิ่น หรือหมิ่นประมาทธนาคาร หรือผู้บริหารของธนาคาร เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป                                                         

2. กรณีความผิดปกติการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือกตามที่สื่ออ้างนั้น ธ.ก.ส.ขอเรียนว่าผู้ที่ให้ข้อมูลดังกล่าว เป็นหนึ่งในทีมงานที่มีหน้าที่ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลจำนำข้าวของธนาคารตามขั้นตอนที่กำหนดไว้ ซึ่งเมื่อตรวจพบข้อมูลที่บันทึกไม่ถูกต้อง ธนาคารได้มีกระบวนการสอบทานและแก้ไขให้ถูกต้องตามข้อเท็จจริงตามแต่ละกรณีเรียบร้อยแล้ว

โดยการดำเนินงานดังกล่าว รัฐบาลได้ตั้งคณะอนุกรรมการปิดบัญชีโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังนี้ องค์การคลังสินค้า (อคส.) องค์การตลาดเพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ และ ธ.ก.ส. ร่วมเป็นอนุกรรมการและมีการปิดบัญชีทุกปี โดยใช้ข้อมูล ณ วันที่ 30 กันยายน 

ทั้งนี้ ในปี 2557 มีผู้แทนสภาวิชาชีพบัญชีร่วมเป็นอนุกรรมการด้วย ซึ่งขั้นตอนการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการฯ ได้มีการนำมาตรฐานทางบัญชีมากำหนดกรอบแนวทางการปิดบัญชี ดังนั้นหากมีเหตุสงสัยกรณีที่ข้อมูลไม่ถูกต้องต้องมีการโต้แย้งคัดค้านในคณะกรรมการปิดบัญชีฯ นอกจากนี้ในส่วนของงบการเงินและรายละเอียดประกอบต่าง ๆ ของ ธ.ก.ส. ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) การดำเนินงานโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในส่วนที่ ธ.ก.ส.รับผิดชอบ ไม่พบเหตุผิดปกติ ต้องสงสัย ส่อไปในทางทุจริต หรือก่อให้เกิดความเสียหายด้านงบประมาณที่สูงกว่าความเป็นจริงแต่อย่างใด 

ดังนั้น ธนาคารจึงขอเรียนว่า การเผยแพร่และแสดงความเห็นที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ หากผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ยังคงนำไปเผยแพร่ในทางที่เสียหายต่อธนาคารและผู้เกี่ยวข้อง โดยมิได้รับทราบหรือตรวจสอบข้อมูลที่แท้จริงอย่างรอบด้านและเป็นธรรม แต่เป็นการกล่าวอ้างและให้ข้อมูลที่เป็นการสร้างความเข้าใจผิดต่อสังคม ธนาคารจะดำเนินการตามกฎหมาย ทั้งทางแพ่งและอาญาแก่ผู้กระทำการดังกล่าวต่อไป

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :