ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยบทวิเคราะห์ คาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจและสังคมช่วง 'ฟุตบอลโลก 2018' โดยระบุว่า มหกรรมการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลกที่จัดขึ้นที่ประเทศรัสเซียระหว่างวันที่ 14 มิ.ย. – 15 ก.ค. 2561 ประเทศไทยได้มีการถ่ายทอดสดผ่านช่องฟรีทีวีดิจิทัล เพื่อให้คนไทยได้รับชมทั้ง 64 นัด ซึ่งเป็นเกมการแข่งขันที่คนไทยส่วนหนึ่งให้ความสำคัญในการติดตามรับชม
ดังนั้น ทั้งในช่วงเวลาก่อนและระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก จึงเป็นจังหวะที่ภาคธุรกิจต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวเนื่องโดยตรงและทางอ้อมกับกีฬาฟุตบอลจะใช้โอกาสนี้ในการทำตลาด เพื่อสร้างการรับรู้ในแบรนด์สินค้าและกระตุ้นยอดขายเช่นกัน
สำหรับสินค้าและธุรกิจที่คาดว่าจะได้รับอานิสงส์โดยตรงจากกีฬาฟุตบอลโลก อาทิ ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจร้านอาหารและธุรกิจฟาสต์ฟู้ดเดลิเวอรี่ อุปกรณ์กีฬา เสื้อผ้าและรองเท้า เป็นต้น
ส่วนธุรกิจที่ไม่ได้รับแรงหนุนจากมหกรรมกีฬาฟุตบอลโลกโดยตรง ก็จะใช้จังหวะนี้ในการโปรโมทสินค้า จัดกิจกรรมการส่งเสริมการขาย เช่น การจัดให้มีการทายผลฟุตบอลโลก เพื่อชิงรางวัล และแจกของสมนาคุณ เป็นต้น
คาดคนไทยดูถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลก 10.96 ล้านคน
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ได้จัดทำผลสำรวจพฤติกรรมการรับชมและการใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงที่รับชมการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2561 โดยสำรวจ พบว่า บรรยากาศรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลกในปี 2561 นี้ คาดว่าจะมีความคึกคักกว่าในครั้งที่ผ่านมา ซึ่งมาจากปัจจัยหนุนที่แตกต่างจากการถ่ายทอดฟุตบอลโลกในครั้งที่ผ่านมา อาทิ การถ่ายทอดสดผ่านฟรีทีวีดิจิทัลที่ทำให้ผู้ชมสามารถรับชมได้เป็นจำนวนมาก ช่วงระยะเวลาของการแข่งขันที่เอื้อต่อการรับชมของคนไทย
จากปกติการแข่งขันในคู่แรกจะเริ่มถ่ายทอดสดประมาณ 19.00 น. และคู่สุดท้ายของวันจะเริ่มถ่ายทอดสดประมาณ 01.00 น. และทีมที่เข้าแข่งขันในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายที่ประเทศรัสเซียมีฐานแฟนบอลเป็นคนไทยจำนวนมาก เช่น อังกฤษ เยอรมนี บราซิล และอาร์เจนตินา เป็นต้น นอกจากนี้ บรรยากาศภายในประเทศปีนี้ ที่แตกต่างจากเมื่อ 4 ปีที่ผ่านมา
โดยจากผลสำรวจการรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลโลกในปีนี้ ประเมินว่า การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลกน่าจะมีผู้รับชมในไทยประมาณ 10.96 ล้านคน โดยผู้ตอบแบบสอบถามที่ชมการแข่งขันทุกคู่คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 38.9 ขณะที่ชมบางคู่คิดเป็นประมาณร้อยละ 61.1 ของผู้ตอบแบบสอบถาม
จากรายงานผลการรับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกผ่านเครื่องรับสัญญาณโทรทัศน์ (นับผู้ที่ชมการถ่ายทอดการแข่งขันติดต่อกัน 20 นาที ขึ้นไป) ของฟีฟ่า (FIFA) พบว่า ในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2557 (2014) ที่ประเทศบราซิล คู่สำคัญที่คนไทยรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกมากที่สุดมีผู้ชมประมาณ 3.8 ล้านคน
อย่างไรก็ดี จำนวนผู้ชมที่ลดลง เนื่องจากข้อจำกัดของการเข้าถึงการรับชมประกอบกับเวลาการถ่ายทอดสดที่ไม่เอื้อต่อการชม แต่เมื่อพิจารณาสถิติผู้รับชมการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกคู่สำคัญในการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2553 (2010) ที่ประเทศแอฟริกาใต้ พบว่า คู่สำคัญที่คนไทยรับชมถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกมากที่สุดมีผู้ชมประมาณ 7.9 ล้านคน เนื่องจากมีการถ่ายทอดผ่านฟรีทีวี กอปรกับช่วงเวลาการถ่ายทอดเอื้อต่อการรับชมการแข่งขัน ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกับการแข่งขันที่จัดขึ้นที่ประเทศรัสเซีย
คาดช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายสินค้าประมาณ 6,685 ล้านบาท
อีกทั้ง ในช่วงระยะเวลาของการแข่งขันฟุตบอลโลก จะเป็นช่วงหนึ่งที่จะเกิดกิจกรรมการใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นมากกว่าช่วงเวลาปกติที่ไม่ได้มีการจัดการแข่งขันได้ในระยะเวลาสั้น เนื่องจากแฟนฟุตบอลบางกลุ่มจะมีค่าใช้จ่ายเกิดขึ้นในระหว่างชมการแข่งขันฟุตบอล
จากผลสำรวจในกลุ่มผู้ตอบแบบสอบถามที่จะรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้ พบว่า กลุ่มตัวอย่างที่มีแผนที่จะใช้จ่าย (อาทิ การซื้ออาหารและเครื่องดื่ม การไปรับชมการแข่งขันในสถานที่ที่มีการเปิดให้รับชมการแข่งขัน การซื้อเสื้อทีมฟุตบอล และไปรษณียบัตรชิงโชค เป็นต้น) คิดเป็นสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 96.0 ขณะที่กลุ่มตัวอย่างที่ไม่มีแผนที่จะใช้จ่ายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.0 ของผู้ที่จะรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลกในครั้งนี้
กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มจะมียอดขายเพิ่มขึ้นประมาณ 5,265 ล้านบาท
โดยกลุ่มธุรกิจที่น่าจะได้รับผลบวกจากการแข่งขันฟุตบอลโลกก็คงจะเป็นกลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เห็นได้จาก ผู้ประกอบการธุรกิจในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มได้เริ่มทยอยทำแคมเปญการตลาดส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตรร้านค้าต่างๆ ผ่านการโฆษณา ที่มีเรื่องราว (Theme) เกี่ยวเนื่องกับฟุตบอล เพื่อกระตุ้นยอดขายในกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า จากบรรยากาศการรับชมการถ่ายทอดการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีนี้ ที่คาดว่าจะมีจำนวนผู้รับชมมากกว่าครั้งที่ผ่านมานั้น คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มยอดจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่มเป็นมูลค่าประมาณ 5,265 ล้านบาท
กลุ่มอาหาร :สำหรับกลุ่มอาหาร (เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารจำหน่ายในร้านอาหาร ขนมขบเคี้ยวและร้านอาหารฟาสต์ฟู้ด เป็นต้น) เป็นกลุ่มที่มีปริมาณการใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงในกลุ่มของผู้ที่มีแผนจะรับชมการแข่งขันฟุตบอลโลกทั้งการรับชมในที่พักอาศัย โดยกลุ่มที่รับอานิสงส์ อาทิ ร้านอาหารที่มีบริการการจัดส่งอาหาร ทั้งที่เป็นเชนร้านอาหาร และร้านค้าทั่วไป
นอกจากนี้ ยังมีกลุ่มอาหารอื่นๆ และการประกอบอาหารทานเอง อาทิ อาหารกึ่งสำเร็จรูป หรืออาหารที่สะดวกในการปรุง อาทิ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป อาหารปรุงสำเร็จ และอาหารสำเร็จรูปแช่แข็ง ซึ่งซื้อตามร้านอาหารใกล้บ้าน ตลาด หรือร้านสะดวกซื้อ และกลุ่มขนมขบเคี้ยว เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ผู้ประกอบการเริ่มมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย
ขณะเดียวกัน เนื่องจากช่วงเวลาการถ่ายทอดการแข่งขันส่วนใหญ่จะเริ่มตั้งแต่เวลา 19.00 น. ทำให้ผู้ที่สนใจติดตามชมการแข่งขันบางส่วน นิยมไปเชียร์นอกที่พักอาศัย ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกกระจายไปสู่ร้านอาหาร สถานบันเทิง และลานกิจกรรมที่มีการจัดงานเฉพาะของฟุตบอลโลกเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกปีนี้ จะมีเม็ดเงินกระจายมายังธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารประมาณ 3,015 ล้านบาท
กลุ่มเครื่องดื่ม : ตลาดเครื่องดื่ม (กลุ่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์และกลุ่มที่มีแอลกอฮอล์) เป็นหนึ่งในสินค้าที่ผู้ตอบแบบสอบถามมีแผนที่จะใช้จ่ายทั้งการรับชมในบ้านและนอกบ้านมากที่สุด ทั้งนี้ อานิสงส์จากการแข่งขันฟุตบอลโลกในปีนี้ คาดว่าจะช่วยกระตุ้นให้ตลาดเครื่องดื่มกลับมามีความคึกคักพอควร จากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายร่วมกับพันธมิตร โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่ในช่วงไตรมาสแรกปี 2561 ที่ผ่านมา กลุ่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หดตัวร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า ในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกคาดว่ามูลค่าการตลาดเครื่องดื่มน่าจะเพิ่มขึ้นประมาณ 2,250 ล้านบาท จากช่วงเวลาปกติ
ยอดจำหน่ายเสื้อฟุตบอลทีมโปรด อุปกรณ์กีฬา 910 ล้านบาท
นอกเหนือจากการชมและเชียร์ทีมโปรดผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ผู้บริโภคบางกลุ่มจะมีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ในการเชียร์ โดยจะมีการซื้อเสื้อฟุตบอลทีมที่ชื่นชอบ รวมถึงยังช่วยกระตุ้นให้เกิดความอยากเล่นกีฬาฟุตบอล ซึ่งมีผลทำให้เกิดการใช้จ่ายในด้านรองเท้าฟุตบอลและอุปกรณ์กีฬาที่เกี่ยวกับฟุตบอล นอกจากนี้ ในกลุ่มนักสะสมจะมีการซื้อสินค้าหรือของที่ระลึกที่เกี่ยวเนื่องกับฟุตบอลโลก เห็นได้ว่าผู้ประกอบการร้านค้าเสื้อผ้ากีฬาและอุปกรณ์กีฬาเริ่มทำแคมเปญกระตุ้นยอดขายกันอย่างเข้มข้น
สำหรับบรรยากาศการชมฟุตบอลโลกในปีนี้ ที่คาดว่าจะมีความคึกคัก การซื้อสินค้าในกลุ่มเสื้อผ้ากีฬา อุปกรณ์กีฬาและสินค้าของที่ระลึกในช่วงการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2561 น่าจะมีมูลค่าตลาดประมาณ 910 ล้านบาท
อีกทั้งการส่งชิงโชคทายผลฟุตบอลโลกช่องทางดั้งเดิมยังได้รับความนิยม แต่รูปแบบการทายผลในยุคดิจิทัลมาแรงขึ้น คาดการใช้จ่ายเพื่อลุ้นโชคทายผลฟุตบอลโลกในปีนี้น่าจะมีมูลค่าประมาณ 510 ล้านบาท โดยการส่งชิงโชครางวัลทายผลฟุตบอลโลกเป็นหนึ่งในสีสันในช่วงของการแข่งขันฟุตบอลโลกที่กลุ่มผู้ชมการแข่งขันฟุตบอลโลกให้ความสนใจในการร่วมกิจกรรม และยังเป็นกลยุทธ์การตลาดกระตุ้นยอดขาย และสร้างภาพลักษณ์ในแบรนด์สินค้า ของผู้ประกอบการธุรกิจในช่วงเวลานี้เช่นกัน จากผลสำรวจความสนใจในการร่วมกิจกรรมชิงโชคทายผลฟุตบอลโลก พบว่า ผู้ที่สนใจร่วมกิจกรรมทายผลฟุตบอลโลกมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ 91.5 ขณะที่ผู้ที่ไม่สนใจร่วมกิจกรรมทายผลฟุตบอลโลกมีสัดส่วนเพียงร้อยละ 8.5 ของผู้ที่มีแผนที่จะชมฟุตบอลโลก
ทั้งนี้ เมื่อพิจารณารูปแบบการส่งชิงโชคทายผลฟุตบอลโลกดั้งเดิม (อาทิ การส่งไปรษณียบัตร และคูปองจากสื่อสิ่งพิมพ์ต่างๆ) ยังเป็นช่องทางที่ผู้ตอบแบบสอบถามยังให้ความสนใจ และในปีนี้ผู้ประกอบการธุรกิจเริ่มออกแคมเปญชิงโชครางวัลทายผลฟุตบอลโลก โดยเฉพาะกลุ่มสื่อสิ่งพิมพ์ซึ่งเป็นผู้จัดกิจกรรมส่งชิงโชคหลักต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยในปีนี้ได้ร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจจัดกิจกรรมกันอย่างคึกคัก สำหรับมูลค่าการใช้จ่ายในการร่วมลุ้นโชคทายผลฟุตบอลโลกในปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 510 ล้านบาท
โดยสรุปศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่าจะเกิดเม็ดเงินไปยังธุรกิจจำหน่ายสินค้าอุปโภคและบริโภค เช่น อาหารและเครื่องดื่ม เสื้อผ้าและอุปกรณ์กีฬา เป็นต้น เป็นมูลค่าประมาณ 6,685 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 5.0 จากช่วงปกติของมูลค่าตลาดสินค้าอุปโภคและบริโภค อย่างไรก็ดี ทิศทางของการใช้จ่ายยังขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของเกมการแข่งขันในรอบถัดๆ ไป ซึ่งในกรณีทีมที่มีฐานแฟนบอลในไทยสูงได้เข้ารอบถัดๆ ไปอาจจะส่งผลให้กิจกรรมการใช้จ่ายมีความคึกคักเพิ่มมากขึ้น
สำหรับภาคธุรกิจที่ได้รับอานิสงส์จากการแข่งขันฟุตบอลโลกในระยะสั้นๆ อาจจะต้องเผชิญกับโจทย์ที่ท้าทายในช่วงที่เหลือของปี 2561 นี้ ทั้งจากการแข่งขันทางธุรกิจที่เข้มข้น อาทิ ในภาคธุรกิจร้านอาหารที่มีความหลากหลาย ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกมากขึ้น เป็นต้น
ขณะที่การฟื้นตัวของกำลังซื้อยังไม่เข้าสู่ระดับศักยภาพ อีกทั้งผู้บริโภคยังเผชิญกับปัจจัยด้านรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น เช่น ราคาสินค้าอาหาร และราคาพลังงาน ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจคงจะต้องทำตลาดจัดกิจกรรมการส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นตลาดตลอดช่วงที่เหลือของปี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :