ไม่พบผลการค้นหา
"องอาจ" โต้ "พล.อ.ประยุทธ์" ปมดูด ส.ส. ชี้ ก่อปัญหาต่อการพัฒนาระบบประชาธิปไตยและขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ด้าน "อนุสรณ์" ซัด สะท้อนกฎของแรงดึงดูด "สิ่งที่เหมือนกันจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน" ขณะ"จาตุรนต์" ยก 10 เหตุผลที่ไม่ควรหนุน'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ระบุว่าการดูด ส.ส.เป็นไปตามครรลองประชาธิปไตยของไทยตลอดมา ว่าการดูด ส.ส.คงไม่ใช่ครรลองประชาธิปไตยของไทยตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวอ้าง เพื่อสร้างความชอบธรรมให้ตนเอง และให้คนในรัฐบาล เพราะการดูด ส.ส. ของคนในรัฐบาลที่กำลังทำอยู่ขณะนี้มีการต่อรองเรื่องผลประโยชน์ตอบแทนให้ทั้งทางตรง และทางอ้อม เพื่อหวังให้คนเหล่านี้มาอยู่กับพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งขึ้นในการสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ให้มีโอกาสเป็นนายกรัฐมนตรีหลังจากการเลือกตั้งทั่วไป

ทั้งนี้ การที่คนในรัฐบาลกำลังเคลื่อนไหวใช้อำนาจหน้าที่ของการเป็นรัฐบาล และใช้ผลประโยชน์ต่างๆ มอบให้ในการเจรจา ต่อรอง ดูด ส.ส. มาเข้าพรรคการเมืองที่กำลังจัดตั้งขึ้นเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง น่าจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม และขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ชัดเจนว่า ถ้า คสช. รัฐมนตรี และสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ประสงค์จะสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกต้องพ้นจากตำแหน่ง คสช. รัฐมนตรี และ สนช. ภายใน 90 วันนับแต่วันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้

และสาเหตุที่รัฐธรรมนูญบัญญัติเช่นนี้ เพราะเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญไม่ต้องการให้ คสช. รัฐมนตรี และ สนช. ใช้อำนาจหน้าที่เพื่อเอื้อประโยชน์ ทั้งทางตรง และทางอ้อมในการสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถึงแม้คนในรัฐบาลจะไม่ไปสมัคร ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้า แต่การใช้สถานะของความเป็นรัฐมนตรีดูดอดีต ส.ส. เพื่อให้มาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. แล้วมาหนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ต่อไปอีกสมัยจึงอาจกล่าวได้ว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม และขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ

อย่างไรก็ตาม แม้นายกฯ ประกาศอยู่ตลอดเวลาว่าอยากเห็นการเมืองไทยพัฒนาดีขึ้น  อยากเห็นการเมืองแบบใหม่ที่ประชาชนมีส่วนร่วม  อยากเห็นการเมืองที่มีธรรมาภิบาล  เคารพหลักนิติรัฐ นิติธรรม  แต่สิ่งที่ท่านนายกฯ และคนในรัฐบาลกำลังทำอยู่ขณะนี้ด้วยการดูด ส.ส. เพื่อสืบทอดอำนาจไม่ใช่การเมืองแบบใหม่ อย่างที่ท่านนายกฯ เคยพูดไว้อย่างแน่นอน แต่เป็นการเมืองแบบเก่าย้อนยุคเหมือนในอดีตที่ทหารยึดอำนาจด้วยการปฏิวัติรัฐประหารแล้วต้องการสืบทอดอำนาจก่อตั้งพรรคการเมืองดูด ส.ส.มาหนุนตนเองให้เป็นใหญ่ต่อไป  เหมือนกับยุค จอม พล.ป พิบูลสงคราม ก็มี พรรคเสรีมนังคศิลา  ยุคจอมพลถนอม กิตติขจร ก็มีพรรคสหประชาไทย  ยุคพลเอก สุจินดา คราประยูร ก็มีพรรคสามัคคีธรรม

วันนี้มาถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหาร ก็ยังทำการเมืองแบบเก่าเพื่อสืบทอดอำนาจแถมยังมีการดำเนินการที่ไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญอีกด้วย

นายองอาจ กล่าวว่า การดูด ส.ส. เพื่อต่อท่ออำนาจย่อมไม่เป็นผลดีต่อการพัฒนาการเมืองไทย และระบอบประชาธิปไตยโดยรวมอย่างที่ท่านนายกฯ เคยพูดไว้แต่อย่างใด แต่จะกลายเป็นปมปัญหาต่อการพัฒนาระบบประชาธิปไตย และขยายปัญหาให้เพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคตอีกด้วย

เพื่อไทย ซัด ดูด ส.ส.สะท้อนกฎของแรงดึงดูด "สิ่งที่เหมือนกันจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน"

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การดูดส.ส.ไม่ใช่ครรลองของประชาธิปไตยแบบไทย แต่อาจเป็นการใช้ทุกสรรพกำลังอำนาจที่มีอยู่แต่เพียงผู้เดียว กดดัน บีบบังคับ ให้นักการเมืองยอมศิโรราบเข้าให้การสนับสนุนด้วยสารพัดข้อต่อรองหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ยึดอำนาจเข้ามาโดยกปปส.และเครือข่ายสร้างเงื่อนไขหาเหตุต้องปฏิรูปก่อนการเลือกตั้ง จนคนกวักมือเรียกให้ทหารมาปฏิวัติทุกวันนี้ยังทะเลาะกันไม่เลิก ผ่านไป 4 ปี ปฏิรูปยังไง ย้อนยุคกลับไปเป็นการเมืองโบราณ ไม่สร้างสรรค์ พูดกลับไปกลับมา แม้ประชาชนพยายามจะเชื่อ แต่ก็ไม่รู้จะเลือกเชื่อท่อนไหน

ทั้งนี้ การรับสภาพว่าไม่มีทางเลือกต้องกลับไปดูดนั้น แปลว่า การปฏิรูปไม่มีอะไรที่เป็นความก้าวหน้าหรือไม่ หรือเหตุผลที่ใช้อ้างเพื่อยึดอำนาจ แท้จริงแล้วเป็นเพียงข้ออ้างที่จะเข้าสู่อำนาจโดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง และเมื่อเข้ามาแล้วก็กระทำการทุกวิถีทางเพื่อการสืบทอดอำนาจเอาไว้ให้นานที่สุดหรือไม่ คสช.มีเครื่องมือ มีองคาพยพ มีงบประมาณ ทำอะไรได้ทุกอย่าง และไม่เคยกลัวใคร แต่กลัวอย่างเดียว คือกลัวการเลือกตั้งหรือไม่

ไม่แปลกใจเลยที่นักการเมืองน้ำดีมีมาก แต่ที่ไปดูดมาแต่ละกลุ่มแต่ละคนสภาพก็อย่างที่เห็น มันก็สะท้อนกฎของแรงดึงดูด สิ่งที่เหมือนกันจะมีแรงดึงดูดเข้าหากัน

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ต้องตั้งคำถามว่า ทำไมนักการเมืองคุณภาพ นักการเมืองน้ำดีไม่ไปอยู่กับตัวเอง ทำไมที่ดูดมาจึงมีสภาพแบบนั้น เพราะนักการเมืองน้ำดีเขาคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนหรือข้อต่อรองเฉพาะหน้าที่ไม่ยั่งยืน ประชาชนรอว่าเมื่อไหร่ปฏิบัติการดูดจะเสร็จสิ้นหรือต้องรออะไรในการเปลี่ยนผ่านประเทศไปสู่ระบอบประชาธิปไตย เมื่อไหร่จะมีการเลือกตั้ง เมื่อไหร่จะยกเลิกข้อห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรม ปลดล็อกทางการเมือง ยกเลิกคำสั่ง คสช. ที่ 53/60 ยกเลิกข้อห้ามการชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คน 

"จตุรนต์" ชี้พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องต่อต้านคสช.สืบทอดอำนาจ-ยก10 เหตุผลที่ไม่ควรหนุน 'ประยุทธ์' เป็นนายกฯ

ด้าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า "พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องต่อต้านคสช.สืบทอดอำนาจ ไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ" อนาคตของประเทศไทยจะเป็นอย่างไรขึ้นกับว่าประชาชนจะสนับสนุนการสืบทอดอำนาจของคสช.หรือไม่ สนับสนุนนายกฯคนนอกหรือไม่


จาตุรนต์ ฉายแสง.jpg

จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ เชื่อว่าจากวันนี้ไปถึงวันเลือกตั้งที่จะมีขึ้น เรื่องสำคัญ 2 เรื่องแรกที่ประชาชนจะถามจากพรรคการเมือง คือ

1.จะมีนโยบายในการแก้ปัญหาของประเทศอย่างไร? จะทำให้ประชาชนพ้นจากความเดือดร้อนได้อย่างไร?

2.จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หากพล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีขึ้นมา พรรคของท่านจะเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่

นายจาตุรนต์ ระบุว่า ในความเห็นของตนสำหรับคำถามที่ 2 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยควรจะประกาศให้ชัดเจนว่าจะหยุดวงจรการสืบทอดอำนาจเผด็จการของคสช. จะไม่สนับสนุนพลเอกประยุทธ์เป็นนายกฯ และหากพล.อ.ประยุทธ์ได้เป็นนายกฯก็จะไม่เข้าร่วมรัฐบาลนั้น

นอกจากนี้ นายจาตุรนต์ ยังระบุ 10 เหตุผลที่ไม่ควรสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนี้

1.เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดสร้างเงื่อนไขให้เกิดการรัฐประหาร

2.เป็นผู้นำในการทำรัฐประหาร ทำให้ประเทศถอยหลังและเกิดความเสียหายใหญ่หลวงตามมาโดยเฉพาะทางด้านเศรษฐกิจ

3.เลื่อนการเลือกตั้งครั้งแล้วครั้งเล่าทำให้ไม่เป็นที่เชื่อถือในสายตาชาวโลกและชาวไทย

4.ทำให้เกิดรัฐธรรมนูญและกฎหมายต่างๆ ที่ไม่เป็นประชาธิปไตย และเป็นการวางระบบสืบทอดอำนาจเผด็จการยาวนาน

5.ไม่ปฏิรูปใดๆ แต่กลับวางยุทธศาสตร์และแผนปฏิรูปที่ล้าหลัง และให้มีผลไปอีกยาวนาน

6.ทำลายพรรคการเมืองและระบบพรรคการเมืองเพียงเพื่อประโยชน์ในการสืบทอดอำนาจของตนเอง

7.ใช้งบประมาณอย่างฟุ่มเฟือย หวังผลในการปูทางไปสู่การเป็นรัฐบาล โดยไม่คำนึงว่า จะเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมืองหรือไม่

8.จำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชนและสื่อมวลชน ละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างต่อเนื่อง ทำให้ประชาชนไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง ไม่สามารถตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาลได้

9.ทำลายระบบในการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่น จนอ่อนแอไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีอิสระ ไม่เป็นกลางและไม่เป็นที่เชื่อถือ ทำงานอย่างลูบหน้าปะจมูก

10.จากหลายข้อข้างต้นและการขาดความรู้ความสามารถในการบริหารประเทศ ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย ประชาชนทำมาค้าขายไม่ได้ เดือดร้อนยากจนไปทั่ว และอาจเสียหายไปอีกยาวนาน

กราฟฟิกประยุทธ์

อย่างไรก็ตาม นายจาตุรนต์ ระบุว่า หากปล่อยให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ หลังการเลือกตั้งและสืบทอดอำนาจต่อไปยาวนาน ปัญหาต่างๆ ที่พล.อ.ประยุทธ์กับพวกได้สร้างไว้ ย่อมไม่ได้รับการแก้ไขและจะยิ่งเกิดความเสียหายต่อประเทศชาติอย่างมากมายมหาศาล



อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง