แม้ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมาของปากีสถานจะเต็มไปด้วยข้อกล่าวหาเรื่องความไม่ชอบมาพากล แต่ชัยชนะของอิมราน ข่านก็ทำให้ผู้คนคาดหวังกันว่าเขาจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ตั้งแต่ที่ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ นิวยอร์กไทมส์รายงานว่า ชื่อของข่านกลายเป็นความใหม่ในการเมืองของปากีสถานที่ซึ่งต้องการการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แม้ว่าพรรคของเขาไม่ได้ที่นั่งมากพอจะจัดตั้งรัฐบาลเองได้ แต่เชื่อกันว่าเขาคงจะสามารถจับมือกับพรรคขนาดเล็กตั้งรัฐบาลได้

นิวยอร์กไทมส์ รายงานว่า สถานะความเป็นนักกีฬาดังในอดีตของข่านมีค่าเทียบเท่ากับการเป็นดารา และอันที่จริงตระกูลของเขาก็เป็นหลักประกันในตัวอยู่แล้ว เขาเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด เคยแต่งงานกับสตรีอังกฤษที่มีสถานะทางสังคม กระทบไหล่ผู้คนในวงการการเมืองระดับระหว่างประเทศมามากมาย เขาจึงอยู่ในฐานะที่ดีในอันที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ

แต่นิวยอร์คไทมส์บอกว่า อิมรอน ข่าน วันนี้เปลี่ยนไปแล้ว เขาแสดงท่าทีถอยห่างจากภาพลักษณ์ในอดีตของตัวเองที่เคยเป็นคนดังระดับนานาชาติและสถานะความเป็นชายหนุ่มที่เป็นที่หมายปองของบรรดาสาวๆ เขาเริ่มแสดงท่าทีเห็นอกเห็นใจกลุ่มอย่างตอลิบานและยังสนับสนุนกฎหมายห้ามการดูหมิ่นศาสนาซึ่งกำหนดโทษหนักถึงขั้นประหารชีวิต มันเป็นท่าทีทางการเมืองที่เรียกคะแนนจากคนส่วนใหญ่ได้ 

ปากีสถานเป็นประเทศที่มีประชากรหนาแน่นขนาด 200 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับ 6 ของโลก มีอาวุธนิวเคลียร์ อยู่ติดกับจีน อิหร่าน อินเดีย นับว่าเป็นที่ตั้งที่มีนัยอย่างมากสำหรับประเทศมหาอำนาจต่างๆ ที่ผ่านมาปากีสถานเต็มไปด้วยปัญหาความรุนแรง และยังมีชื่อว่ามีกลุ่มที่มีบทบาทบ่มเพาะกลุ่มตาลิบันหรือแม้แต่อัลไคด้า ขณะที่อีกด้านก็เป็นพันธมิตรของสหรัฐฯ

ปากีสถานวันนี้มีปัญหาทางเศรษฐกิจ มีหนี้สินต่างประเทศจำนวนมากในขณะที่ผู้คนยากจน ในช่วงที่ผ่านมาข่านสัญญากับผู้มีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งว่า เขาจะทำให้ปากีสถานพึ่งพาตัวเองได้ในทางเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดว่าข่านกำลังมองไปที่จีนในฐานะเป็นแม่แบบของการต่อสู้กับความยากจนและการขจัดปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น เขาถึงกับโพสต์ในโซเชียลมีเดียแสดงความชื่นชมจีน นิวยอร์กไทมส์บอกว่า ที่ผ่านมานั้น ปากีสถานได้รับความช่วยเหลือจากจีนซึ่งให้กู้ยืมเงินแบบดอกเบี้ยต่ำเพื่อนำไปสร้างถนนและทางรถไฟใหม่ หลังการเลือกตั้งได้แค่สองวัน สื่อปากีสถานลงข่าวว่า จีนอาจปล่อยกู้ปากีสถานอีกถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ 

นิวยอร์คไทมส์อ้างนักวิเคราะห์บอกว่าทหารดูจะสนับสนุนอิมรอน ข่าน ชัยชนะของเขาในการเลือกตั้งนั้นเชื่อกันว่าทหารมีส่วนช่วย เพราะในช่วงก่อนหน้าการเลือกตั้งทหารได้จัดการบรรดาคู่แข่งของเขา อย่างเช่นนายนาวาซ ชารีฟ ก็ไปลงเอยในเรือนจำ รายงานชี้ว่าทหารปากีสถานนั้นอาจจะชอบอิมรอน ข่านเพราะท่าทีที่ค่อนข้างแข็งกร้าวของเขาที่มีต่อสหรัฐฯ รวมทั้งท่วงทำนองที่มีความอดทนกับกลุ่มสุดขั้วซึ่งนายทหารหลายคนของปากีสถานรู้สึกเช่นนั้น ที่ผ่านมานั้นทหารไม่พอใจรัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ที่ตัดงบช่วยเหลือทางการทหาร ในขณะที่หันไปญาติดีกับอินเดีย คู่แข่งของปากีสถานแทน เพราะว่าสหรัฐฯ พยายามจะหาพันธมิตรในภาวะที่เผชิญหน้ากับจีนมากขึ้น 

ในปากีสถานนั้นทหารเป็นผู้ที่เกาะกุมอำนาจทางการเมืองอย่างแท้จริงและหลายครั้งก็ลงไปล้วงลูกเอง นักวิเคราะห์ชี้ว่า สิ่งที่ทหารปากีสถานต้องการจริงๆ ในเวลานี้ คือ รัฐบาลพลเรือนที่อ่อนแอและมีท่วงทำนองเป็นประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม ผลการเลือกตั้งที่ออกมา ไม่ว่าจะเพราะการใช้กลโกงหรือไม่ก็ตาม ชัยชนะที่ท่วมท้นทำให้ดูเหมือนว่าอิมรอน ข่านไม่ใช่คนที่จะควบคุมได้ง่ายๆ การที่เขาเป็นนักการเมืองที่ได้รับความนิยมอย่างสูงน่าจะทำให้ข่านรู้สึกว่าเขาสามารถทำอะไรได้มากกว่าผู้นำคนอื่นที่ผ่านมา และนักวิเคราะห์เชื่อว่า อิมรอน ข่านจะต้องลงเอยด้วยการขัดแข้งขัดขากับทหารอย่างแน่นอน

แต่สิ่งที่อิมรอน ข่านน่าจะทำได้ในฐานะนายกรัฐมนตรีมีไม่มากนัก นิวยอร์กไทมส์บอกว่า ประเด็นที่เขาจะมีบทบาทได้มากที่สุดก็คือเรื่องเศรษฐกิจ เพราะว่าเรื่องอาวุธนิวเคลียร์และเรื่องกลุ่มก่อเหตุไม่สงบต่างๆล้วนเป็นปัญหาที่อยู่ในความรับผิดชอบของทหารทั้งสิ้น และเป็นสองเรื่องใหญ่ที่ประเทศตะวันตกสนใจ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจจึงเป็นประเด็นสำคัญที่จะทดสอบความสามารถของข่าน และเขาก็มีการบ้านเต็มมือ เพราะว่าปากีสถานกำลังมีปัญหาหนัก เงินตราค่าอ่อนลงเรื่อยๆ ขณะที่หนี้สินก็เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ นักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่าหนทางข้างหน้าของปากีสถานเห็นกันชัดๆว่าจะต้องรัดเข็มขัดมากขึ้น และชาวบ้านจะต้องถูกรีดภาษีมากขึ้น ต้องตัดงบประมาณลงรวมทั้งของทหารด้วย 

ในขณะที่ในส่วนของประชาชนนั้น สิ่งที่พวกเขาคาดหวังจากอิมรอน ข่านก็คือการช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศเพราะเบื่อหน่ายกับการที่ถูกคนนอกมองว่าเป็นประเทศของการก่อการร้าย พวกเขาเห็นว่าอิมรอน ข่าน มีความน่าเชื่อถือในสายตาคนนอก แต่อิมราน ข่านจะสร้างความเปลี่ยนแปลงอันนี้ได้หรือไม่ นิวยอร์กไทมส์บอกว่า ปากีสถานเคยมีผู้นำที่มีท่วงทำนองคล้ายกันคือเบนาซีร์ บุตโต อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูดีมีสไตล์ จบการศึกษาจากอังกฤษ เคยอยู่ต่างประเทศทั้งในอังกฤษและสหรัฐอเมริกา ได้รับการชื่นชมจากคนนอกไม่ต่างไปจากนายข่าน แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้มากนัก เพราะในที่สุดแล้วเธอก็เป็นส่วนหนึ่งของระบบนั่นเอง