นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า นายศุภชัย สมเจริญ ประธาน กกต. ได้มีการลงนามในหนังสือถึงที่ กกต.มีความเห็นแย้งเกี่ยวกับร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และ ร่าง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว.แล้วเมื่อวันที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา และในวันนี้น่าจะส่งถึงมือประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)ซึ่งจะนำไปสู่การตั้งคณะกรรมาธิการร่วม 3 ฝ่าย ซึ่งกรรมาธิการจะต้องประชุมให้แล้วเสร็จภาย 15 วัน ก่อนที่จะเสนอที่ประชุม สนช. เพื่อพิจารณา หาก สนช.เห็นด้วยกับกรรมาธิการร่วมเสนอก็จะมีการส่งร่างกฎหมายทั้งสองฉบับเพื่อดำเนินการประกาศใช้ต่อไป แต่หากที่ประชุมสนช.มีมติเกินกว่า 2ใน3 ไม่เห็นด้วยที่กรรมาธิการร่วมเสนอ ร่างกฎหมายทั้ง2 ฉบับก็จะตกไปและนำมาสู่ขั้นตอนของการยกร่างกฎหมายใหม่ 

นายสมชัย ระบุว่า ตามรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดเวลาว่าการยกร่างกฎหมายใหม่จะเสร็จเมื่อใด กรณีมีการคว่ำร่างกฎหมายฉบับใดฉบับหนึ่งจะทำให้ไทม์ไลน์โรดแมปการเลือกตั้งเลื่อนออกไปอย่างน้อย 6 เดือน พร้อมเรียกร้องให้สังคมจะสะท้อนความเห็นประเด็นความเห็นแย้งไปยัง สนช.ด้วย โดยเฉพาะประเด็นการจัดมหรสพในช่วงหาเสียงเลือกตั้งได้ ซึ่งคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)และ กกต.ต่างไม่เห็นด้วย 

“ให้เอาประเทศชาติเป็นหลัก อย่าให้การเห็นต่างเพียงประเด็นเดียวคว่ำกฎหมายทั้งฉบับ ท่านต้องคิดว่ามันคุ้มหรือไม่กับการที่สุดท้ายแล้วมีการถามว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบ แล้วท่านจะต้องกลายเป็นจำเลยของสังคม” นายสมชัย ระบุ

ขณะที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ยอมรับได้กับคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 53/2560 ที่ส่งผลให้การเลือกตั้งต้องขยายเวลาออกไปอีก 90 วัน ซึ่งขอประเทศอยู่ในความสงบ เพื่อให้มีเหตุผลการเลื่อนการเลือกตั้งน้อยที่สุด เพราะประเทศไทยต้องการการเลือกตั้ง ส่วนตัวไม่อยากให้ทุกคนตื่นตระหนก เพราะสถานการณ์ปัจจุบันยังอยู่ในโรดแมป แต่หากในสิ้นปีนี้มีปัญหาใดเกิดขึ้นในการเลื่อนเลือกตั้งออกไป 90 วัน ก็ยังถือว่ารับได้ และไม่เห็นว่ามีเหตุการณ์ใดทำให้การขยายเวลาไปมากกว่า 90 วัน และเชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีสัญญาที่ไว้กับประชาชนและประชาคมโลกถือว่ามีความหมาย เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะทำให้เกิดการเลือกตั้งและขอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี