นายณัฐวุฒิ ประเสริฐสุวรรณ อดีตส.ส.สุพรรณบุรี มาสมัครสมาชิกพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) หลังได้ลาออกชทพ.ไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยมาก่อนหน้านี้ โดยมี น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา หัวหน้าชพท. นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค นายวราวุธ ศิลปอาชา ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชทพ. และนายนิกร จำนง ผอ.ชทพ.ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น นอกจากนี้ นายสุระ แสนคำ หรือ เขาทราย แกแล็กซี่ และนายวิโรจน์ แสนคำ หรือ เขาค้อ แกแล็กซี่ ยังได้มาสมัครสมาชิกชทพ.เพื่อจะลงสมัครส.ส. เพชรบูรณ์ ด้วย

น.ส.กัญจนา กล่าวว่า พรรคได้พี่ชายที่รักมากกลับสู่บ้าน วันนี้เป็นวันที่ดีใจที่สุด จนไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้เท่ากับความรู้สึกที่มี พี่ชายของเราหนีไปเที่ยว แต่วันนี้ได้กลับมาบ้านแล้ว พี่ก็อบอุ่น น้องก็อบอุ่น 

"เชื่อว่า บิดาของเราทั้งสองคน ไม่ว่าจะอยู่แห่งใดก็ตาม ถ้าได้ทราบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นวันนี้คงจะดีใจมาก เพราเรื่องเขตเลือกตั้งที่เป็นปัญหา ตอนนี้ถือว่า ไม่มีแล้ว นายณัฐวุฒิกลับมาเติมเต็มแล้ว สุพรรณบุรีจะเป็นเหมือนสมัยที่นายบรรหาร ศิลปอาชา อยู่ พวกเราเป็นทีมเดียวกัน กี่ยุคกี่สมัยเราจะเป็นแบบนั้น เมื่อนายณัฐวุฒิกลับมาเหมือนเป็นพลังให้กับเรา ชทพ.จะชนะให้ได้ทุกเขตใน จ.สุพรรณบุรี" น.ส.กัญจนา ระบุ

ด้านนายณัฐวุฒิ กล่าวว่า ได้ไปลาออกกับ พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว ซึ่งก็มีความเข้าใจ ส่วนสาเหตุที่ลาออกจาก ชทพ.ไปเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยก่อนหน้า ก็เนื่องจากความไม่ลงตัวในเรื่องเขต เพราะบ้านหลังนี้ที่สุพรรณบุรีเต็มแล้ว จึงขยับออกไป แต่พอลงพื้นที่ ประชาชนถามว่า ออกจากพรรคชาติไทยพัฒนาทำไม ในฐานะที่ตนเป็นตัวแทนของประชาชน จึงต้องรับฟัง เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่านายบรรหารทำคุณประโยชน์ไว้อย่างมหาศาล คนสุพรรณบุรีถือว่าท่านเป็นมหาบุรุษ ไปทุกที่ชาวบ้านยังรำลึกถึงนายบรรหารอยู่ 

เมื่อถามว่า ที่ตัดสินใจลาออกจากพรรคเพื่อไทย เป็นเพราะกระแสข่าวยุบพรรคด้วยหรือไม่ นายณัฐวุฒิ ยอมรับว่า เป็นเหตุผลหนึ่ง พรรคเพื่อไทยก็มีการติดตามข้อมูลข่าวสารจากที่สื่อได้นำเสนออยู่แล้ว ตนเชื่อว่า มันมีเชื้ออยู่ แต่จะไปถึงขั้นนั้นหรือไม่ตนไม่ทราบ แต่นักการเมืองจะต้องหาที่ที่มั่นคงที่สุดให้ตัวเอง อีกทั้ง จากการลงพื้นที่พบประชาชน กระแสพรรคชาติไทยพัฒนาใน จ.สุพรรณบุรี ดีกว่าพรรคเพื่อไทย และเป็นมาตั้งแต่รุ่นนายบรรหาร ทั้งนี้ ตนอยากให้ทีม จ.อ่างทอง และจ.ศรีษะเกษ กลับมาพรรคชาติไทยพัฒนาเพื่อเข้ามาเติมเต็มให้พรรคมีทั้งรุ่นเก่า รุ่นใหม่อยู่ด้วยกัน