นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงผลการสำรวจตู้น้ำหยอดเหรียญในพื้นที่กรุงเทพมหานครพบว่า มีตู้น้ำหยอดเหรียญรวม 3,964 ตู้ เป็นตู้ที่มีใบอนุญาต 160 ตู้ และเป็นตู้ที่ไม่ได้รับอนุญาตถึง 3,804 ตู้ ที่ผ่านมาสำนักงานเขตได้ออกหนังสือเรียกให้ผู้ประกอบการมาดำเนินการขอใบอนุญาตการประกอบกิจการติดตั้งตู้น้ำหยอดเหรียญ ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข พ.ศ.2558 แต่ผู้ประกอบไม่ยินยอมมาชำระค่าธรรมเนียม เนื่องจากมีค่าธรรมเนียมที่สูง โดยตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ 1 ตู้ ต้องเสียค่าธรรมเนียม 2,000 บาทต่อปี
จากนี้ไปจะเพิ่มมาตรการที่เข้มข้น ให้สำนักงานเขตดำเนินการรื้อถอนตู้น้ำที่ไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง หรือไม่ติดต่อแสดงความเป็นเจ้าของ หากฝ่าฝืนนั้นจะมีความผิดตามกฎหมายสาธารณสุขการประกอบการโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท
ความเคลื่อนไหวของ กทม.เกิดขึ้นหลังจากคณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภคภาคประชาชน (คอบช.) มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค (มพบ.) และเครือข่ายองค์กรผู้บริโภคกรุงเทพมหานคร เข้าพบตัวแทน กทม.เมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา และเสนอให้ กทม.สั่งตรวจสอบตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญทุก 50 เขต โดยบังคับใช้ทางกฎหมายให้ผู้ประกอบการต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญอย่างเป็นทางการ เพราะเข้าข่ายประกอบกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ เครือข่ายผู้บริโภคได้สุ่มสำรวจตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญในพื้นที่ กทม. 18 เขต รวม 855 ตู้ พบว่าาตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญไม่ได้มาตรฐาน โดยมีการตั้งตู้น้ำดื่มทั้งที่ไม่มีใบอนุญาตฯ และสถานที่ตั้งตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญไม่เหมาะสม คือ อยู่ใกล้บริเวณที่มีฝุ่นมาก เช่น ริมถนน ริมทางเท้า, อยู่ใกล้แหล่งระบายน้ำเสีย/น้ำขัง และอยู่ใกล้ที่ทิ้งขยะ ทำให้มีทั้งหนู แมลงสาบ และแมลงวัน อยู่ในบริเวณใกล้เคียง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: