นายโจเซฟ ยุน ผู้เชี่ยวชาญด้านนโยบายเกาหลีเหนือของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เดินทางเยือนประเทศแถบเอเชีย ระหว่างวันที่ 11-15 ธันวาคม และได้แวะเยือนญี่ปุ่นและไทย เมื่อวันที่ 13-14 ธันวาคมที่ผ่านมา เนื่องจากญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการทดสอบอาวุธของเกาหลีเหนือ ขณะที่ไทยติดกลุ่ม 49 ประเทศที่มีความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจและการค้าของเกาหลีเหนือมาก่อน

นายยุนได้แถลงข่าวหลังพบกับพลเอกวัลลภ รักเสนาะ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และนางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้าของไทย รวมถึงรัฐมนตรีว่าการและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งต่างก็ยืนยันว่า ไทยได้ดำเนินการตามเงื่อนไขของสหประชาชาติในการลดระดับความสัมพันธ์ทางการค้ากับเกาหลีเหนืออย่างต่อเนื่องและจริงจัง

มาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ฉบับล่าสุด มีผลบังคับใช้เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบระเบิดนิวเคลียร์เป็นครั้งที่ 6 และไทยได้ปรับลดความสัมพันธ์ทางการค้ากับเกาหลีเหนือนับอย่างจริงจังตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โดยถือว่าลดลงประมาณ 93-94 เปอร์เซ็นต์ และจะทำให้มูลค่าทางเศรษฐกิจระหว่างทั้ง 2 ประเทศลดเหลือเพียงปีละประมาณ 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 49 ล้านบาทภายในสิ้นปี และไทยจะยกระดับความเข้มงวดการออกวีซ่าแก่ชาวเกาหลีเหนือที่ต้องการจะเดินทางเข้าประเทศไทยด้วย

อ่านต่อ: สหรัฐฯพร้อมเปิดเจรจากับเกาหลีเหนือโดยไม่มีเงื่อนไข

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าววีโอเอของสหรัฐฯ รายงานว่า มติของยูเอ็นเอสซี ซึ่งกำหนดให้ประเทศสมาชิกสหประชาชาติยกเลิกวีซ่าทำงานแก่ชาวเกาหลีเหนือ ในฐานะเงื่อนไขหนึ่งของมาตรการคว่ำบาตรเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวเกาหลีเหนือประมาณ 1 แสนคนในต่างแดน อาจจะทำให้เกาหลีเหนือสูญเสียรายได้ 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 16,500 ล้านบาทต่อปี 

นายยุนย้ำด้วยว่า สหรัฐฯ ยังเปิดโอกาสเจรจากับเกาหลีเหนือเสมอ และหวังว่าเกาหลีเหนือจะตอบรับข้อเสนอของนายเร็กซ์ ทิลเลอร์สัน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสหรัฐฯ เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้งในคาบสมุทรเกาหลีร่วมกันอย่างสันติ แม้ว่าที่ผ่านมานายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะมีท่าทีแข็งกร้าวต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือใสตลอด แต่สหรัฐฯ ต้องใช้วิธีเจรจาทางการทูต ควบคู่ไปกับการบังคับใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ รวมถึงการขึ้นบัญชีดำบุคคลและองค์กรต้องห้าม

อ่านต่อ: คว่ำบาตรเกาหลีเหนือไม่ได้ผลเพราะบิทคอยน์?