ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลสหรัฐฯ ชี้ว่า นโยบายผู้อพยพของโดนัลด์ ทรัมป์ จะสามารถป้องกันการก่อการร้ายได้ หลังเกิดเหตุโจมตีสถานีขนส่งกลางนครนิวยอร์ก

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า เหตุโจมตีสถานีขนส่งพอร์ต ออธอริที ย่านแมนฮัตตัน นครนิวยอร์ก เป็นการตอกย้ำว่า สหรัฐฯ จำเป็นต้องมีนโยบายผู้อพยพที่เข้มงวดแบบที่เขาเสนอ เพราะผู้ต้องสงสัยได้รับวีซ่าผู้อพยพ เพราะมีญาติห่างๆ เป็นพลเมืองอเมริกาพร้อมเรียกร้องให้สภาคองเกรสผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ที่รัฐบาลเสนอ เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ ด้วยการยุติ "ห่วงโซ่ผู้อพยพ" ขณะที่ทำเนียบขาวระบุว่า ระบบคัดกรองผู้อพยพปัจจุบันของสหรัฐฯ ปล่อยให้คนอันตรายเข้าประเทศมามากเกินไป แต่นโยบายผู้อพยพของนายทรัมป์จึงจะสามารถป้องกันไม่ให้ผู้ต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มหัวสุดโต่งเข้าประเทศได้

ที่ผ่านมา รัฐบาลนายทรัมป์ถูกพรรคเดโมแครต และสมาชิกพรรครีพับลิกันหลายคนวิพากษ์วิจารณ์ว่า การจำกัดการให้กรีนการ์ดกับคนที่มีญาติใกล้ชิดกับพลเมืองอเมริกันเท่านั้น เป็นข้อกำจัดที่เข้มงวดเกินไป และเป็นการพรากครอบครัวออกจากกัน โดยคาดการณ์ว่า หากใช้มาตรการนี้ สหรัฐฯ จะอนุมัติกรีนการ์ดน้อยลงถึงครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม นายอคาเยด อุลลาห์ ผู้ต้องสงสัยวัย 27 ปีมาจากบังกลาเทศ ซึ่งไม่อยู่ในรายชื่อประเทศที่กฎหมายแบนพลเมืองของ 8 ประเทศฉบับใหม่กำหนดไว้เพื่อป้องกันการก่อการร้าย แต่นายอุลลาห์ได้ให้การว่า การโจมตีครั้งนี้เป็นการตอบโต้ที่อิสราเอลถล่มกาซา พร้อมประกาศสวามิภักดิ์ต่อกลุ่มไอเอส อย่างไรก็ตาม ทางการสหรัฐฯ ยังไม่มีหลักฐานที่ระบุชัดเจนว่า เขามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มไอเอสอย่างไร และได้รับแนวคิดสุดโต่งมาตั้งแต่เมื่อไหร่