ไม่พบผลการค้นหา
'รมต.ประเสริฐ-รมช.ธีรรัตน์' นำคณะหารือ 'ไทย–เมียนมา' เดินหน้าแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม-คุณภาพน้ำ ตั้งคณะทำงานวิชาการร่วมสางปมสารปนเปื้อน ‘แม่น้ำกก-แม่น้ำสาย’ อย่างยั่งยืน

วันนี้ (20 ส.ค. 68) นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DEs) พร้อมด้วย นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นำคณะผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงสาธารณสุข และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เข้าพบและหารืออย่างเป็นทางการกับ นายขิ่น ม่อง ยี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา เกี่ยวกับการส่งเสริมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมรวมถึงการบริหารจัดการคุณภาพน้ำอย่างยั่งยืน ณ กรุงเนปยีดอ สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา

นายประเสริฐ กล่าวว่า การหารือในวันนี้ได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและแนวทางในการนำองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญจากหน่วยงานระหว่างประเทศ อาทิ MRC มาใช้ประโยชน์เพื่อรับมือกับความท้าทายข้ามแดนซึ่งรัฐบาลไทยและเมียนมามีความห่วงใยต่อสุขภาพและคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนทั้งสองประเทศ จึงมุ่งเน้นให้การดำเนินการต่าง ๆ ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนเกี่ยวกับความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด

ประเด็นปัญหาสิ่งแวดล้อม และคุณภาพน้ำ ที่จะเดินหน้าแก้ไขร่วมกันนั้น ส่วนสำคัญจะเป็นการตอบโจทย์พี่น้องประชาชนเกี่ยวกับกระแสข่าวก่อนหน้านี้เรื่องสารปนเปื้อในแม่น้ำสายต่างๆ อาทิ แม่น้ำกกและแม่น้ำสาย ซึ่งที่ผ่านมาส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน ซึ่งรัฐบาลมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหานี้ทั้งในมิติ ทั้งในระดับพื้นที่และในระดับความร่วมมือระหว่างประเทศ” นายประเสริฐ กล่าว

ด้าน นางสาวธีรรัตน์ กล่าวว่า ประเด็นคุณภาพน้ำในแม่น้ำสายต่าง ๆ อาทิ แม่น้ำกก และแม่น้ำสาย ได้ก่อให้เกิดความกังวลอย่างมากต่อพี่น้องประชาชนไทยที่อาศัยอยู่ตามลุ่มน้ำ เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชน รัฐบาลไทยโดยกระทรวงมหาดไทย ได้พยายามอย่างต่อเนื่องในการบรรเทาผลกระทบดังกล่าว ด้วยการให้ความช่วยเหลือที่จำเป็น พร้อมทั้งเผยแพร่ข้อมูลที่ถูกต้องและเชื่อถือได้ต่อประชาชน

"เนื่องจากแม่น้ำดังกล่าวเป็นลำน้ำข้ามพรมแดน ความร่วมมือระหว่างราชอาณาจักรไทยและสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา จึงมีความสำคัญยิ่งต่อการแก้ไขปัญหาอย่างรอบด้าน หากทางเมียนมาสามารถแบ่งปันข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับฝ่ายไทยได้ก็จะช่วยเสริมสร้างประสิทธิภาพการดำเนินงานร่วมกัน ทั้งในการสื่อสารข้อมูลที่ถูกต้องต่อประชาชน และการจัดการสถานการณ์ได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที โดยไทยมีความประสงค์ที่จะเห็นการประสานงานที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองประเทศ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ามีการแลกเปลี่ยนข้อมูลอย่างทันท่วงที และสามารถกำหนดแนวทางการตอบสนองร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ผ่านการดำเนินการในคณะทำงานด้านวิชาการร่วมกัน (Joint Technical Working Group) ต่อไป" นางสาวธีรรัตน์ กล่าว

สำหรับผลการหารือที่สำคัญ ได้แก่ 

1. ทั้งสองฝ่ายได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการส่งเสริมความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดการคุณภาพน้ำ 

2. ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการหารือประสานงานกันบ่อยครั้งยิ่งขึ้น มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการจัดการน้ำ เพื่อส่งเสริมความเข้าใจร่วมกันและเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน 

3. ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการจัดตั้งคณะทำงานด้านวิชาการร่วม (Joint Technical Working Group) เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม นอกจากนี้ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงโอกาสในการร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ เช่น การพัฒนาศักยภาพและการสร้างความตระหนักรู้ผ่านคณะทำงานร่วมกันดังกล่าว และการสนับสนุนเทคโนโลยีการจัดการกับการทำกิจการเหมืองแร่ เป็นต้น