สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้นำฝ่ายค้าน ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 26 ก.ย. 2563 พร้อมชี้แจงในหนังสือลาออกว่าต้องการให้มีการเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารพรรคใหม่เพื่อให้มีประสิทธิภาพและบรรลุนโยบายของพรรค มีเนื้อหาดังนี้
"ตามที่ที่ประชุมใหญ่วิสามัญ พรรคเพื่อไทย ครั้งที่ 1/2562 ได้เลือกให้ผมดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตั้งแต่วันที่ 12 พฤษภาคม 2562 เป็นต้นมา โดยมีคณะกรรมการบริหารรวมทั้งสิ้น 29 คน เต็มตามข้อบังคับพรรค
ตาม พ.ร.ป.พรรคการเมืองและข้อบังคับพรรค คณะกรรมการบริหารพรรคเป็นองค์กรสูงสุดของพรรค มีอำนาจหน้าที่สำคัญในการดำเนินกิจการของพรรคให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และกฎหมาย และข้อบังคับพรรค กำหนดนโยบายการบริหารและพัฒนาพรรค กำกับดูแล และตรวจสอบให้องค์กรของพรรคส่วนต่างๆ ปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปโดยมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามกฎหมายและนโยบายของพรรค และมีอำนาจและหน้าที่อย่างอื่นๆ อีกหลายประการ ที่ผ่านมา ผมเห็นว่า ด้วยองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหาร และการกำหนดภารกิจในส่วนต่างๆ ของพรรค ทำให้คณะกรรมการบริหารยังไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และบรรลุผลตามนโยบายและข้อบังคับของพรรค ผมจึงเห็นว่าสมควรที่จะปรับปรุง และเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการบริหารเสียใหม่ เพื่อให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคม ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วในขณะนี้ และเพื่อให้การบริหารงานของพรรคเพื่อไทยเป็นไปอย่าง มีประสิทธิภาพ บรรลุตามนโยบายของพรรคที่ได้ประกาศไว้
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงขอลาออกจากการเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 26 กันยายน 2563 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป เพื่อจะได้มีการเรียกประชุมใหญ่สมัยวิสามัญ และเลือกคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ต่อไป"
ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยได้มีหนังสือคำสั่งมอบหมายให้ชูศักดิ์ ศิรินิล รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย โดยชูศักดิ์แถลงว่า ตามที่สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นเหตุให้คณะกรรมการบริหารพรรคทั้งคณะพ้นจากตำแหน่ง และจะต้องมีการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
ตนในฐานะผู้รักษาการหัวหน้าพรรค จึงขอเรียกประชุมรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรค เพื่อกำหนดให้มีการเรียกประชุมใหญ่วิสามัญในการเลือกคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ โดยจะมีการประชุมรักษาการคณะกรรมการบริหารพรรค ในวันจันทร์ที่ 28 กันยายน 2563 เวลา 10.00 น. ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่
ทั้งนี้การลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคของสมพงษ์ นอกจากจะมีผลทำให้กรรมการบริหารพรรคพ้นจากตำแหน่งทั้งหมดแล้ว ยังมีผลให้สมพงษ์ พ้นจากตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านด้วย และการประชุมใหญ่วิสามัญของพรรคที่จะเกิดขึ้นเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่จึงถือเป็นการกำหนดตัวผู้นำฝ่ายค้านคนใหม่เพื่อไปทำหน้าที่ในรัฐสภาด้วย เนื่องจากตามรัฐธรรมนูญกำหนดให้ผู้นำฝ่ายค้านต้องมาจาก ส.ส.ที่เป็นหัวหน้าพรรค ฝ่ายที่ไม่มีรัฐมนตรีและมีเสียงมากที่สุด โดยหลังเลือกหัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้วก็ต้องนำชื่อของหัวหน้าพรรคขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อเป็นผู้นำฝ่ายค้านต่อไป และระหว่างนี้ตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านจะว่าง