จากกรณีที่กระแสข่าวหน่วยงานความมั่นคงจับตาอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เดินทางไปพบสองอดีตนายกรัฐมนตรีที่ต่างประเทศ ซึ่งอาจมีผลทำให้ยุบพรรคได้ เพราะให้ผู้อื่นที่ไม่ใช่สมาชิกพรรคมาครอบงำพรรค ขณะที่นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ยอมรับแกนนำพรรคเพื่อไทยหลายคนล้วนมีคุณสมบัติเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยได้นั้น
ล่าสุด นายประยุทธ์ ศิริพานิชย์ อดีต ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ซึ่งเดินทางไปพบ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุกับ 'วอยซ์ ออนไลน์'ว่า ส่วนตัวคิดว่าการเดินทางไปพบอดีตนายกฯ เป็นเสรีภาพ ไม่เข้ากฎหมายที่จะยุบพรรคเพื่อไทยได้
"เขาต้องการขู่คนเล่นๆ ผมไม่ได้สนใจ ผมรักใครนับถือพบปะใคร การเดินทางไปที่ไหนเป็นสิทธิเสรีภาพตามกฎหมาย" นายประยุทธ์ ระบุ
เมื่อถามถึงผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่จะเป็นแกนนำพรรคเพื่อไทยตามที่นายวัฒนาระบุไว้หรือไม่ นายประยุทธ์ ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลานั้น ซึ่งพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้ชูใครขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคคนใหม่ในตอนนี้ เพราะต้องรอให้กฎหมายปลดล็อกให้พรรคการเมืองต่างๆทำกิจกรรมทางการเมืองได้ก่อน ดังนั้น ตอนนี้ยังคาดเดาไม่ได้ว่าใครจะมาเป็นผู้นำพรรค
กางสเปกแคนดิเดตนายกฯ ไม่ปลอดชินวัตร
นายประยุทธ์ ยังยอมรับว่า ชื่อแกนนำพรรคเพื่อไทย ทั้งนายจาตุรนต์ ฉายแสง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นายชัยเกษม นิติสิริ นายภูมิธรรม เวชยชัย ล้วนเป็นไปได้หมดที่จะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และไม่ปฏิเสธว่าคนในตระกูลชินวัตรก็สามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้เช่นกัน หากไม่ติดปัญหาข้อกฎหมายหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้
สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่จะมาเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่นั้น ไม่ควรมีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย มีความมั่นใจว่าจะสานต่อยอดและนโยบายของพรรคเพื่อไทยได้ และจะต้องมีมนุษยสัมพันธ์กับสมาชิกพรรคได้ แต่ถ้าได้ผู้นำที่มีอำนาจปกครองไม่ได้ก็จะไม่สามารถปกครองพรรคได้ ดังนั้น จึงต้องมีสายสัมพันธ์กับสมาชิกพรรคด้วย
"แกนนำพรรคเป็นไปได้หมด รวมทั้งคนในตระกูลชินวัตร ที่ไม่ใช่คุณทักษิณ คุณยิ่งลักษณ์ แต่จะไม่ใช่คนที่ถูกถอดถอน" นายประยุทธ์ ระบุ
เปิดปฏิทินเคาะผู้นำ-นายกฯเพื่อไทย
นายประยุทธ์ ยังระบุถึงกรอบเวลาการเลือกผู้นำพรรคเพื่อไทยคนนั้นว่า จะต้องรอให้กฎหมายพรรคการเมืองปลดล็อกให้พรรคการเมืองเดิมทำกิจกรรมได้ในวันที่ 1 เม.ย.นี้ และหลังจากวันที่ 30 เม.ย.ก็จะมีความชัดเจนที่พรรคเพื่อไทยจะต้องเรียกประชุมใหญ่เพื่อเห็นชอบในการแก้ไขข้อบังคับพรรคและส่งให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบ เมื่อ กกต.เห็นชอบแล้วจึงดำเนินการเลือกหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ จากนั้นจะเข้าสู่ขั้นตอนการเลือกตั้งกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อและส.ส.แบ่งเขต อีกส่วนจะดำเนินการสรรหาผู้เข้าดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคไม่เกิน 3 รายชื่อ โดยคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยจะมีชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทยด้วย
แกนนำ ส.ส.สายอีสานพรรคเพื่อไทย ยืนยันด้วยว่า ขณะนี้อดีต ส.ส.อีสานกว่า 80-90% ใน 20 จังหวัดจะยืนหยัดต่อสู้อยู่กับพรรคเพื่อไทยเช่นเดิมตามที่ตนเองเคยประกาศไว้เมื่อวันที่ 10 ม.ค.ที่ผ่านมา และล่าสุดยังเชื่อว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นภายในปี 2561 ซึ่งเป็นทางที่ดีที่สุดกับ คสช. เนื่องจากขณะนี้มีกลุ่มเด็ก นักศึกษา ซึ่งเป็นพลังบริสุทธิ์ออกมาเรียกร้องให้มีการเลือกตั้งในปีนี้แล้ว ดังนั้น หากขยับการเลือกตั้งออกไปเป็นปี 2562 จะส่งผลให้สถานการณ์ไม่ดีขึ้นกับรัฐบาล
(ประยุทธ์ ศิริพานิชย์ แกนนำสายอีสาน พรรคเพื่อไทย)
ขณะที่ก่อนหน้านี้ นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า เมื่อช่วงเทศกาลตรุษจีนที่ผ่านมามีสมาชิกพรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ทำให้ คสช.ฉวยโอกาสสร้างข่าวว่า การเดินทางไปพบอดีตนายกฯ อาจเข้าข่ายผิดรัฐธรรมนูญที่ห้ามบุคคลภายนอกเข้ามาชี้นำ หรือยุ่งเกี่ยวกับพรรคการเมืองอันเป็นความผิดถึงขั้นยุบพรรค
"ผมเป็นคนหนึ่งที่เดินทางไปพบท่านนายกฯ ทักษิณ ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติเพราะในวันสำคัญตามประเพณี เช่น ปีใหม่ ตรุษจีน หรือสงกรานต์ พวกเราจะหาโอกาสเดินทางไปพบอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านที่พวกเรารักและเคารพเพื่ออวยพรหรือขอพรจากท่าน ส่วนที่ลือว่าท่านจะให้คนโน้นคนนี้มาเป็นหัวหน้าพรรคก็อ้างเป็นแหล่งข่าวซึ่งไม่เป็นความจริง เพราะการจะเลือกบุคคลขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคจะต้องเป็นบุคคลที่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับพรรคและประชาชนหลังการยึดอำนาจไม่เช่นนั้นจะไม่มีใครยอมรับ ซึ่งต้องรอหลังวันที่ 1 เมษายน แต่จะไม่ผิดหน้าผิดตาไปจากคนที่สื่อเคยเห็นหน้าบ่อยๆ อย่างแน่นอน ไม่มีเซอร์ไพรส์" นายวัฒนา ระบุ
นายวัฒนา ยังระบุว่า "การเสนอชื่อบุคคลที่สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ปัจจุบันยังไม่ได้ตกลงจะเลือกใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทุกคนที่ต่อสู้เพื่อประชาชนล้วนมีสิทธิได้รับการเสนอชื่อ ขึ้นอยู่กับผลงานและการยอมรับจากประชาชน บุคลากรของพรรค เช่น คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คณจาตุรนต์ ฉายแสง คุณโภคิน พลกุล คุณชัยเกษม นิติสิริ และคุณพงศ์เทพ เทพกาญจนา มีโอกาสถูกเสนอชื่อทั้งสิ้น และผมเชื่อว่าดีกว่าคนปัจจุบันอย่างแน่นอน พรรคจะส่งรายชื่อคนที่ประชาชนชื่นชอบลำดับ 1-3 ในบัญชีรายชื่อผู้จะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ส่วนที่ไปลือกันว่าท่านจ้างล็อบบี้ยิสต์ทำลาย คสช. นั้น ผมขอตอบให้ว่าความล้มเหลวของ คสช. ไม่ว่าจะเป็นแหวนแม่นาฬิกาเพื่อน สถิติคอร์รัปชั่นที่สูงขึ้น หรือการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจที่ล้มเหลว ไม่ต้องไปเสียเงินจ้างใครเพราะรู้กันทั้งโลก"
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง