การแข่งขันฟุตบอลโลก 'รัสเซีย เวิลด์คัพ 2018' จะเริ่มต้นเปิดสนามด้วยนัดเตะระหว่างทีมชาติรัสเซียและทีมชาติซาอุดิอาระเบียในวันพรุ่งนี้ (14 มิ.ย.) และคาดว่าจะมีแฟนบอลจากทั่วโลกเดินทางไปร่วมชมการแข่งขันตามสนามต่างๆ ของรัสเซียกันเป็นจำนวนมาก
สื่อหลายสำนักประเมินว่าการจัดแข่งขันบอลโลกที่รัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 14 มิ.ย.-15 ก.ค. มีความเสี่ยงที่จะตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายข้ามชาติ และสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ (NSA) รวมถึงหน่วยข่าวกรองยูเครน ยังได้ประกาศเตือนพลเมืองประเทศตนที่มีแผนจะเดินทางไปร่วมชมการแข่งขันบอลโลกที่รัสเซียให้เฝ้าระวังกลุ่มแฮกเกอร์ที่อาจจะเจาะระบบอุปกรณ์สื่อสารเพื่อก่ออาชญากรรมทางไซเบอร์
ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลรัสเซียจึงบังคับใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดรอบสนามแข่ง 12 แห่ง ใน 11 เมืองทั่วประเทศ รวมถึงออกมาตรการป้องกันทางอากาศ และการตรวจสอบประวัติผู้เดินทางเข้าประเทศรัสเซียอย่างละเอียดในช่วงเวลาดังกล่าว เพราะกลุ่มติดอาวุธ เช่น ไอเอส และผู้ที่สวามิภักดิ์ต่อไอเอส อาจใช้โอกาสนี้ก่อเหตุสะเทือนขวัญ เพื่อให้ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก
(ปืนยิงต่อต้านอากาศยานถูกติดตั้งไม่ไกลจากสนามแข่งขันฟุตบอลเวิลด์คัพในนครเซนต์ปีเตอร์สเบิร์กของรัสเซีย)
ทั้งนี้ แฟนบอลที่เดินทางเข้าประเทศรัสเซียจะต้องไปลงทะเบียนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำ 11 เมือง ซึ่งเป็นสถานที่จัดการแข่งขันบอลโลก ขณะที่กรุงมอสโก มีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง 30,000 นายประจำการในนัดเปิดสนามระหว่างรัสเซียและซาอุดีอาระเบีย ทั้งยังมีการใช้เครื่องบินตรวจการณ์ลาดตระเวนรอบพื้นที่จัดการแข่งขัน รวมถึงควบคุมการสัญจรทางน้ำ เพื่อรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สุ่มเสี่ยงจุดต่างๆ
ครั้งแรกในรอบ 88 ปี กรรมการมีสิทธิแทรกแซงเมื่อมี 'พฤติกรรมเหยียด'
นอกเหนือจากภัยก่อการร้าย หลายประเทศที่ได้รับคัดเลือกเข้าร่วมบอลโลกปีนี้ยังร่วมมือกับรัสเซียในการเฝ้าระวังการก่อเหตุของกลุ่มฮูลิแกน โดยมีการส่งเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงไปสังเกตการณ์และแจ้งเบาะแสแก่ตำรวจในรัสเซีย เนื่องจากเห็นตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูฟาแชมเปียนลีกส์เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะกรณีที่กลุ่มฮูลิแกนรัสเซียก่อเหตุวิวาทกับกลุ่มฮูลิแกนจากอังกฤษที่เมืองมาร์กเซยของฝรั่งเศสเมื่อปี 2559 ทำให้ทีมรัสเซียถูกลงโทษไประยะหนึ่ง
รายงานสำรวจการก่อเหตุของกลุ่มฮูลิแกนในรัสเซียช่วงปี 2560-2561 บ่งชี้ว่าแฟนบอลสุดโต่งมีหลายกลุ่ม และมีพฤติกรรมยั่วยุหรือก่อความรุนแรงแตกต่างกันไป โดยมีตั้งแต่การขึ้นป้ายข้อความเหยียดเชื้อชาติหรือสีผิว, การโห่หรือตะโกนถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติแก่นักฟุตบอลผิวสี กลุ่มคนรักเพศเดียวกัน กลุ่มชาวยิว กลุ่มชาวอิรัก และชาวอาร์เมเนีย รวมถึงการใช้กำลังทำร้ายร่างกาย
(อาสาสมัครเฝ้าระวังด้านความปลอดภัยเตรียมความพร้อมก่อนถึงวันเปิดการแข่งขันฟุตบอลโลกที่รัสเซีย 2018)
ด้วยเหตุนี้ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า ผู้กำกับดูแลและดำเนินการเกี่ยวกับฟุตบอลโลก จึงได้ออกกฎเป็นพิเศษสำหรับการแข่งขันบอลโลกที่รัสเซียในปีนี้ และถือเป็นครั้งแรกในรอบ 88 ปี ที่ฟีฟ่าให้อำนาจแก่กรรมการในแต่ละนัดสามารถใช้สิทธิแทรกแซงหรือระงับการแข่งขันได้ทันที หากพบว่ามีการตะโกนโห่ร้องหรือแสดงพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติ-สีผิวเกิดขึ้น โดยผู้ที่จะตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มฮูลิแกนรัสเซียมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มแฟนบอลและนักฟุตบอลจากประเทศแถบแอฟริกา รวมถึงผู้ที่มีเชื้อสายแอฟริกัน
แดนนี่ โรส นักฟุตบอลผิวดำของอังกฤษ เปิดเผยกับเดอะวอชิงตันโพสต์ว่า เขาบอกกับครอบครัวไม่ให้เดินทางมาชมการแข่งขันที่รัสเซีย เพราะเกรงว่าจะตกเป็นเป้าโจมตีของกลุ่มฮูลิแกน ซึ่งก่อนหน้านี้โรสเคยถูกกลุ่มฮูลิแกนชาวเซอร์เบียปาก้อนหินและไข่ไก่เข้าใส่ในการแข่งขันนัดหนึ่งเมื่อปีก่อน
เสนอจัดไฟต์กลุ่มฮูลิแกนในเวทีเปิด-เก็บค่าชม
สถานีโทรทัศน์ช่องกีฬา ESPN รายงานว่า กระแสนิยมความรุนแรงของฮูลิแกนกลุ่มต่างๆ ในรัสเซียขยายไปสู่การจัดต่อสู้กันแบบลับๆ โดยไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับการแข่งขันฟุตบอลอีกต่อไป โดยการต่อสู้นัดต่างๆ จะมีขึ้นเพื่อตัดสินความแข็งแกร่งและเหนือกว่าของสมาชิกแต่ละกลุ่ม
ผู้เข้าร่วมการต่อสู้ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายไปจนถึงผู้ใหญ่ตอนต้น อายุประมาณ 20-30 ปี แต่การต่อสู้เหล่านี้นำไปสู่ความขัดแย้งและการก่อความรุนแรงต่อเนื่อง รวมถึงเชื่อมโยงไปถึงกลุ่มอาชญากรต่างๆ เพราะคนส่วนใหญ่ในสังคมรัสเซียมองว่าผู้ชายที่แท้จริงจะต้องเป็นนักสู้ และการทะเลาะวิวาทเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของลูกผู้ชาย
(สนามฟุตบอลลุซนิกิในกรุงมอสโกเป็นสถานที่จัดการแข่งขันนัดเปิดและปิดสนามรัสเซีย เวิลด์คัพ 2018)
ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้สื่อสังคมออนไลน์ในรัสเซียจำนวนหนึ่งจึงสนับสนุนให้มีการจัดเวทีต่อสู้ของกลุ่มสมาชิกฮูลิแกนอย่างเป็นกิจจะลักษณะ เพื่อยกระดับการต่อสู้ให้เป็นเกมกีฬา โดยดิเอ็กซ์เพรสแลเดอะะมิเรอร์ สื่อแท็บลอยด์ของตะวันตก รายงานว่าหนึ่งในผู้เสนอแนวคิดให้จัดการต่อสู้แบบเปิดของกลุ่มสมาชิกฮูลิแกน คือ 'แอนนา แชปแมน' อดีตสายลับรัสเซียที่ถูกเนรเทศออกจากสหรัฐอเมริกาเมื่อปี 2555 หลังถูกจับได้ว่าปลอมตัวเข้าไปในสหรัฐฯ เพื่อปฏิบัติภารกิจสอดแนม
ส่วนผู้สนับสนุนแนวคิดนี้อีกรายหนึ่ง คือ 'ไอกอร์ เลเบเดฟ' รองประธานสภารัสเซีย ซึ่งเป็นสมาชิกกลุ่มฮูลิแกนของทีมฟุตบอลรัสเซียแห่งหนึ่ง ทั้งยังมีแนวคิดชาตินิยมสุดโต่ง โดยเลเบเดฟระบุว่า การต่อสู้ของกลุ่มแฟนบอลในรัสเซียไม่ควรเรียกว่าฮูลิแกน แต่ควรจะเรียกว่า 'นักสู้'
32 ประเทศที่ได้ไปร่วมแข่งขันที่รัสเซีย
โซนยุโรป: รัสเซีย, อังกฤษ, สเปน, เบลเยียม, ฝรั่งเศส, โปรตุเกส, เยอรมนี, เซอร์เบีย, โปแลนด์, ไอซ์แลนด์, สวิตเซอร์แลนด์, โครเอเชีย, เดนมาร์ก, สวีเดน
โซนอเมริกาใต้: บราซิล, อาร์เจนตินา, อุรุกวัย, โคลอมเบีย, เปรู
โซนคอนคาเคฟ (อเมริกาเหนือ อเมริกากลาง และแคริบเบียน): เม็กซิโก, คอสตาริกา, ปานามา
โซนเอเชีย: ญี่ปุ่น, เกาหลีใต้, ซาอุดีอาระเบีย, อิหร่าน, ออสเตรเลีย
โซนเเอฟริกา: เซเนกัล, ไนจีเรีย, อียิปต์, โมร็อกโก, ตูนีเซีย
ที่มา: ESPN/ Telegraph/ Channel News Asia/ Express/ Washington Post/ Independent
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: