วันที่ 8 ก.พ. 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่าบรรยากาศภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อแต่อย่างใด หลังจากที่ประชุม ครม.ได้มีวาระการพิจารณาการต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว 40 ปี มูลค่า 400,000 ล้านบาท จึงขยับมาพิจารณาในวาระ 3 โดยใช้ระยะเวลาการพิจารณาค่อนข้างนาน โดยมีมติให้กลับไปทบทวนชี้แจงข้อท้วงจากกระทรวงคมนาคมก่อน แล้วจะนำมาพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อีกครั้ง

โดยได้มีการหารือนอกรอบหลังจากที่มีการประชุมคณะรัฐมนตรี กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รวมไปถึง วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายกฎหมาย ด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด

หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินออกจากตึกสันติไมตรี หลังนอกไปยังตึกไทยคู่ฟ้า โดยได้โบกมือทักทายสื่อมวลชนแต่ไม่ได้ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ก่อนหน้านี้ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้ขึ้นไปรอนายกรัฐมนตรี บนห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

’ประยุทธ์’ ยันไม่มีปัญหา ภท.ค้านต่อสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามแทน พล.อปประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงกรณีประเด็นปัญหาการต่อขยายสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียว รวมไปถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ที่ไม่ร่วมประชุมคณะรัฐมนตรี จะมีผลต่อการทำงานของรัฐบาลหรือไม่ ว่า โดยนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่าไม่ได้มีปัญหาอะไร การดำเนินการตามคำสั่ง คสช. ที่กำหนดให้ กระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหานคร นำผลการเจรจา เสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีพิจารณา และจากการพิจารณาในวันนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องบางหน่วยมีข้อสังเกตบางประการ ครม. จึงมอบหมายให้กรุงเทพมหานคร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือกันเพื่อให้ได้ข้อยุติก่อนเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

’อนุพงษ์’ เผย ครม. มีมติรับทราบผลการเจรจา รอทำความเห็นเพิ่ม

ด้าน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ระบุว่าที่ประชุม ครม.มีมติรับทราบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว แต่จะต้องกลับไปทำรายละเอียดเพิ่มเติมตามที่กระทรวงคมนาคมร้องขอและมีหนังสือส่งมาโดยไม่มีกำหนดเวลาตอบกลับจะทำเสร็จเมื่อไหร่ ส่วนกรณีที่รัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยไม่เข้าร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อแสดงจุดยืนในเรื่องดังกล่าวจะทำให้เกิดปัญหาหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ครม. เป็นอย่างไรก็อยู่ที่มติ ครม. 

โดยในเอกสารความเห็นของกระทรวงคมนาคมยืนยันไม่เห็นด้วยกับข้อมูลที่ กทม.จัดทำเพิ่มเติมไม่มีการเปลี่ยนแปลงในข้อเท็จจริง ที่ทำให้การวิเคราะห์ของกระทรวงคมนาคมแตกต่างไปจากเดิม โดยเฉพาะในประเด็นการคำนวณอัตราค่าโดยสาร การรองรับระบบตั๋วร่วม โดยมีความชัดเจนในประเด็นข้อกฎหมายซึ่งปัจจุบันการรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ยังคงเป็นหน่วยงานเจ้าของกรรมสิทธิ์ในสิ่งก่อสร้างและที่ดินตลอดแนวรถไฟฟ้าทั้งสองช่วง อันเป็นสาระสำคัญที่ไม่อาจเห็นด้วยต่อแนวทางการดำเนินการข้อเสนอของกระทรวงมหาดไทย 

นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมขอให้ข้อเท็จจริงเพิ่มเติมกรณีที่ กทม. รายงานว่าการโอนกรรมสิทธิ์ยังไม่สมบูรณ์ เนื่องจาก รฟม.ยังไม่สรุปรายละเอียดด้านการเงินช่วงหมอชิต สะพานใหม่ คูคต ทำให้ไม่สามารถรับโอนโครงการได้อีกทั้งยังมีประเด็นเกี่ยวกับแนวทางการดำเนินการตามเงื่อนไขการอนุญาตให้เข้าพื้นที่กรณีการติดตั้งสะพานเหล็กแยกหทัยราช และแยกพุทธมลฑลสาย 2 ซึ่งรอการยืนยันจาก กทม. เพราะต้องพิจารณากรอบวงเงินโครงการ ดังนั้นการจะได้ข้อสรุปจะต้องทราบการชัดเจนการติดตั้งสะพานเหล็กทั้งสองแห่งเพื่อประกอบการทำรายละเอียดค่าใช้จ่ายของโครงการ

’วิษณุ’ เผยครม.ยังไม่มีมติโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว

ด้าน วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีการพิจารณาสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ ซึ่งยังไม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ ขณะนี้นายกรัฐมนตรีให้ไปพิจารณาคำถามที่กระทรวงคมนาคมได้ตั้งข้อสังเกตเมื่อวานนี้ และไม่ได้มาร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเพิ่มเห็นคำถาม 4 ข้อ ของกระทรวงคมนาคมวันนี้ ดังนั้น กระทรวงมหาดไทยก็จะไปหาคำตอบตามที่กระทรวงคมนาคมตั้งคำถาม และเมื่อได้คำตอบเมื่อใด ก็จะกลับมาพิจารณาในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ยังไม่แน่ใจว่าคำถามทั้ง 4 ข้อเป็นประเด็นใหม่หรือไม่ เพราะข้อ1 กระทรวงคมนาคมยังมีความไม่ชัดเจนเรื่องราคา 2.การใช้ระบบตั๋วร่วม 3.ปัญหาข้อกฎหมายบางประการ ซึ่งไม่รู้รายละเอียดตรงนั้น และ 4.เรื่องของสะพาน 2 แห่งที่มีการต้องรื้อ

เมื่อถามว่าหากกระทรวงคมนาคมไม่เห็นชอบคณะรัฐมนตรีจะสามารถพิจารณาได้หรือไม่ วิษณุ กล่าวว่า โหวตได้ พิจารณาได้ หลายเรื่องก็ไม่จำเป็นต้องเห็นชอบ ซึ่งคำตอบที่กระทรวงมหาดไทยต้องไปหาก็แล้วแต่ว่าจะได้คำตอบเมื่อใด ได้มาเร็วก็ดี ซึ่งนายกรัฐมนตรีใช้คำว่า ให้หาคำตอบโดยเร็ว

เมื่อถามว่ากระทรวงมหาดไทยมีการยืนยันจุดยืนอะไรหรือไม่นั้น วิษณุ ระบุว่า ขอให้กระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ให้คำตอบเอง

‘อนุทิน-พิพัฒน์’ ลาประชุมครม. ค้านแปลงสัญญาสัมปทาน เป็นสัญญาร่วมลงทุน รถไฟฟ้าสายสีเขียว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้มีหนังสือตามมีเอกสาร ที่ นร.0403(กร 3)/1861 เรื่อง ความเห็นประกอบการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี เรื่องขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ซึ่งมีเนื้อหา ระบุว่าไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของกรุงเทพมหานคร ตามความเห็นและเหตุผลของกระทรวงคมนาคม โดยมีรายละเอียดดังนี้

ตามที่ สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้มีหนังสือแจ้งเชิญประชุมคณะรัฐมนตรี ครั้งที่ 6/2565 ในวันอังคารที่ 8 ก.พ. 2565 เวลา 09.00น. ณ ตึกสันติไมตรี (หลังนอก) ทําเนียบรัฐบาล โดยมี ระเบียบวาระการประชุมตามอ้างถึง นั้น อ้างตามวาระเรื่องเพื่อพิจารณา ลําดับที่ 3 เรื่องขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ขอเรียนว่าไม่เห็นด้วยกับการดําเนินการของกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ ตามความเห็นและเหตุผลของกระทรวงคมนาคมตามหนังสือกระทรวงคมนาคม ด่วนที่สุด ที่ กค (ปคร) 0208/24 วันที่ 7 ก.พ.2565 จึงเรียนมาเพื่อโปรดทราบ 

ทั้งนี้ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีหนังสือลาประชุม ครม. โดยยื่นจดหมายถึง เลขาธิการคณะรัฐมนตรี โดยระบุอย่างชัดเจน ว่า ในวาระเพื่อพิจารณา ลำดับที่ 3 เรื่องขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญาร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้บรรจุในวาระแล้วนั้น มีความเห็นตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ตามหนังสือที่ คค.(ปคร.)0208/28 วันที่ 7 ก.พ. 2565 โดยมีรายละเอียดดังนี้ เรื่อง ขอลาการประชุมคณะรัฐมนตรี (วันอังคารที่ 8 ก.พ. 2565) 

เรียน เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ตามที่สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้กําหนดให้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันอังคารที่ 8 ก.พ. 2565 ณ ตึกสันติไมตรีหลังนอก กระผมขอลาการประชุมคณะรัฐมนตรี ในวันดังกล่าว

อนึ่ง วาระเพื่อพิจารณา ลําดับที่ 3 เรื่องขอความเห็นชอบผลการเจรจาและเห็นชอบร่างสัญญา ร่วมลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ที่สํานักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีได้บรรจุในวาระแล้วนั้น ผมมีความเห็น ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ตามหนังสือที่ คค (ปคร) 0208/28 วันที่ 7 ก.พ. จึงเรียนมาเพื่อโปรดนําเสนอนายกรัฐมนตรีทราบ