ต่างประเทศ
ยูเอ็นลงมติประณามรัสเซีย 141 ชาติชี้ให้ถอนทัพออกจากยูเครน
เสียงปรบมือดังขึ้นในทันทีเมื่อมีการประกาศผลหการลงมติ โดย มี 141 ประเทศที่เห็นชอบกับมติประณามรัสเซียและเรียกร้องให้มีการถอนทัพโดยทันที ในขณะที่มี 7 ประเทศที่ไม่เห็นด้วย และ 32 ประเทศที่งดออกเสียง ซึ่งมีจีนอยู่ในนั้น ทั้งนี้ รัสเซียพยายามอย่างหนักเพื่อยุติการถูกโดดเดี่ยว โดยรัสเซียกล่าวโทษชาติตะวันตกที่ส่งอาวุธเข้าไปในภูมิภาค และกล่าวโทษถึงวิกฤตความหิวโหยที่ทวีความรุนแรงขึ้น ว่ามีสาเหตุมาจากการคว่ำบาตรของชาติตะวันตก
ชาติพันธมิตรของยูเครนได้พยายามยกระดับการปรึกษาหารือให้ได้มากที่สุด และในมติดังกล่าวได้เน้นหนักไปที่การเน้นย้ำต่อยูเครนในการแสวงหาการเจรจา รายงานระบุว่า ยูเครนยังถูกโน้มน้าวให้ลบคำในมติที่เสนอ ถึงการนำผู้นำรัสเซียขึ้นศาลพิเศษในข้อหาก่ออาชญากรสงคราม โดยตัวแทนจากประเทศต่างๆ หลายคนกล่าวในที่ประชุมว่า ข้อความดังกล่าวมีแต่จะทำให้การแสวงหาสันติภาพทำได้ยากขึ้น
อย่างไรก็ดี พันธมิตรของยูเครนกลับล้มเหลวในการปรับปรุงความเห็นของชาติต่างๆ ในการลงคะแนนเสียงจากมติครั้งล่าสุด เมื่อเทียบกับประเด็นสงครามยูเครนที่สหประชาชาติเปิดการลงมติเมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา ทันทีหลังจากที่รัสเซียประกาศผนวกดินแดนทั้ง 4 พื้นที่ทางตะวันออกของยูเครน โดยในการลงมติครั้งนั้น มี 143 ประเทศสนับสนุนมติดังกล่าว ในขณะที่มี 5 ประเทศที่ไม่เห็นด้วย และ 35 ประเทศที่งดออกเสียง
ดมีโทร คูเลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของยูเครนกล่าวว่า "ด้วยการลงคะแนนเสียงสนับสนุนมติของสมัชชาสหประชาชาติในวันนี้ 141 ประเทศสมาชิกของสหประชาชาติทำให้เห็นชัดเจนว่ารัสเซียต้องยุติการรุกรานที่ผิดกฎหมาย บูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนจะต้องได้รับการฟื้นฟู 1 ปีหลังจากรัสเซียเปิดฉากการรุกรานอย่างเต็มรูปแบบ การสนับสนุนทั่วโลกสำหรับยูเครนยังคงแข็งแกร่ง”
ในบรรดาประเทศใหญ่ที่งดออกเสียงในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (23 ก.พ.) ไทยกล่าวว่าตัวเองไม่ต้องการมีส่วนร่วมในละครศีลธรรม พร้อมกล่าวเสริมว่าผู้เฝ้ามองหลายพันล้านคนกำลังแบกรับความรุนแรงของสงคราม ในขณะที่แอฟริกาใต้เน้นย้ำว่า หลักการบูรณภาพแห่งดินแดนในกฎบัตรสหประชาชาตินั้นศักดิ์สิทธิ์ และบังคับใช้ในกรณีของยูเครน แต่อ้างว่ามติดังกล่าวจะไม่ก่อให้เกิดสันติภาพ อย่างไรก็ดี รองเอกอัครราชทูตจีนประจำสหประชาชาติกล่าวว่า ฝ่ายตะวันตกกำลังเติมเชื้อเพลิงให้กับไฟ ด้วยการส่งอาวุธให้กับยูเครน และกรณีดังกล่าวจะทำให้ความตึงเครียดรุนแรงขึ้นเท่านั้น
จีนซึ่งเป็นผู้นำกลุ่มงดออกเสียง อ้างว่า “1 ปีในวิกฤตยูเครน ความขัดแย้งยังคงบดบังและขยายวงกว้าง สร้างความหายนะแก่ชีวิตนับไม่ถ้วน ผลกระทบที่ล้นทะลักทวีความรุนแรงขึ้น เรากังวลอย่างมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ จุดยืนของจีนเกี่ยวกับปัญหายูเครนนั้นสอดคล้องและชัดเจน อธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของทุกประเทศควรได้รับการเคารพ ควรปฏิบัติตามวัตถุประสงค์และหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติ ข้อกังวลด้านความปลอดภัยที่ถูกต้องตามกฎหมายของทุกประเทศควรได้รับการพิจารณาอย่างจริงจัง”
ข้อกล่าวอ้างของจีน ก่อให้เกิดการโต้แย้งอย่างรุนแรงจาก อันนาเลนา บาร์บอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเยอรมนี โดยเธอปฏิเสธคำกล่าวอ้างของจีนที่ว่าชาติตะวันตกกำลังปล่อยตัวไปกับการทุ่มงบทางทหาร โดยไม่ให้ความสำคัญอื่นๆ ที่มากกว่าแก่ประชาชนคนทั่วไป เธอกล่าวว่าเป็นเรื่องแปลกที่จะอ้างว่าความช่วยเหลือทางทหารกำลังทำให้วิกฤตเลวร้ายลง เนื่องจากหากชาติตะวันตกไม่ให้ความช่วยเหลือ ผู้รุกรานก็จะสามารถยึดยูเครนและทำลายกฎบัตรสหประชาชาติได้อย่างเสรี
เนื่องจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งมีหน้าที่รักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ ถูกขัดขวางโดยอำนาจยับยั้งของรัสเซีย สมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติจึงกลายเป็นหน่วยงานที่สำคัญที่สุดของสหประชาชาติที่เข้ามารับมือกับปัญหาในยูเครน แม้ว่ามติของสมัชชาใหญ่จะไม่มีผลผูกพันทางกฎหมาย ซึ่งแตกต่างจากมติของคณะมนตรีความมั่นคง แต่มติดังกล่าวสามารถใช้เป็นเครื่องชี้วัดความคิดเห็นของโลกที่มีประโยชน์ต่อสถานการณ์ได้
แคทเธอรีน โคลอนนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศฝรั่งเศส ซึ่งเป็นหนึ่งในรัฐมนตรีต่างประเทศของยุโรปหลายคนที่จะเดินทางไปยังนครนิวยอร์กเพื่ออภิปรายก่อนการลงมติ กล่าวเตือนว่า ในความเป็นจริงแล้วนั้น ชาติที่งดออกเสียงคือชาติที่เข้าข้างผู้รุกราน พร้อมกล่าวว่าไม่มีใครนอนหลับได้ลง ในโลกที่มหาอำนาจซึ่งมีอาวุธนิวเคลียร์และสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงถาวร สามารถตัดสินใจโจมตีเพื่อนบ้านได้ตามดุลยพินิจของตัวเอง
“รัสเซียกำลังพยายามโน้มน้าวพวกคุณบางคนว่า การพยายามทำลายระเบียบโลกและออกคำสั่งโดยใช้กำลังเป็นผลดีต่อพวกเขา นี่คือภาพลวงตา ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนี้ มีเพียงรัสเซียและรัสเซียเท่านั้นที่ต้องการทำสงคราม” โคลอนนากล่าวในสมัชชาใหญ่
ที่มา:
