นายแพทย์ภัทรพล จึงสมเจตไพศาล รองโฆษกกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) กระทรวงสาธารณสุข เปิกเผยว่า ปัจจุบันกระแสการดูแลสุขภาพและรูปลักษณ์กำลังมาแรง ประชาชนตื่นตัวทั้งในเรื่องของการรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย การเข้าคอร์สสุขภาพ และหนึ่งในวิธีการดูแลสุขภาพของประชาชนที่พบเห็นได้บ่อยครั้ง คือ การบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อสุขภาพ อาทิ วิตามิน แร่ธาตุ หรือสารสกัดจากพืช/สัตว์ ด้วยการที่ประชาชนสามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้ง่าย โดยผลการสำรวจของหน่วยงานยูโรมอนิเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล พบว่าตลาดวิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทยในปี พ.ศ.2560 มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 คิดเป็นมูลค่าการตลาดกว่า 53,800 ล้านบาท
ความนิยมในการบริโภควิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารข้างต้น ประกอบกับในยุคข้อมูลข่าวสาร ประชาชนสามารถรับรู้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารได้อย่างรวดเร็ว และเข้าถึงได้หลากหลายช่องทาง จึงเป็นห่วงประชาชนว่าจะขาดการศึกษาข้อมูลให้ถี่ถ้วน รับฟังเฉพาะข้อดีจากการโฆษณา หรือบุคคลรอบข้าง คิดว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะเป็นเส้นทางลัดไปสู่การมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรง จนขาดการดูแลพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสม การบริโภคอาหารหลักไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และไม่ครบ 5 หมู่ หรือคิดว่าการบริโภคผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจะสามารถป้องกันโรคได้ซึ่งต้องขอเน้นย้ำว่าความคิดดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องเนื่องจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้รับประทานนอกเหนือจากการรับประทานอาหารหลักตามปกติเพื่อเสริมสารบางอย่าง มักอยู่ในรูปลักษณะเป็นเม็ด แคปซูล ผงหรือของเหลว ฯลฯโดยมีจุดมุ่งหมายในการใช้สำหรับบุคคลทั่วไปที่มีสุขภาพปกติ มิใช่สำหรับผู้ป่วย รวมทั้ง ไม่มีผลในการป้องกันและรักษาโรค
ทั้งนี้ การที่จะมีสุขภาพร่างกายที่ดีปราศจากโรคภัยต้องสร้างขึ้นด้วยตนเอง ไม่มีเส้นทางลัดในการสร้างสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง โดยอาจจะเริ่มต้นที่การปรับพฤติกรรมสุขภาพตนเองให้ถูกต้องใน 3 เรื่องหลัก ได้แก่
1.รับประทานอาหารอย่างสมดุลให้ครบทั้ง 5 หมู่ รับประทานผัก-ผลไม้วันละ 400 กรัมขึ้นไปร่างกายก็จะได้รับสารอาหารครบถ้วนตามหลักโภชนาการ หลีกเลี่ยงการกินอาหารหวาน มันเค็ม และงดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด จะช่วยลดความเสี่ยงเกิดโรคมะเร็งได้ 20-30 เปอร์เซ็นต์ ทั้งยังช่วยชะลอวัยและเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันโรค
2.ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที สัปดาห์ละ 5 วัน จะช่วยลดความเสี่ยงและการเสียชีวิตจากโรคเรื้อรังและช่วยผ่อนคลายความเครียด
3.นอนหลับอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมงจะช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังหรืออวัยวะที่สึกหรอ และปรับสมดุลฮอร์โมนของร่างกายซึ่งจะเป็นพื้นฐานของการมีสุขภาพดีอย่างยั่งยืนโดยมิต้องพึ่งผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด