วันที่ 1 มิ.ย. 2563 เวลา 10.30 น.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จะได้เดินทางมายื่นหนังสือทวงถามต่อนายกรัฐมนตรี กรณีที่กลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี ออกมาเปิดเมื่อปลายสัปดาห์ที่แล้วว่า มีกลุ่มบุคคลไม่ทราบหน่วยงาน ติดต่อโรงแรมขนาดใหญ่หลายแห่งในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี โดยอ้างว่าจะพิจารณาคัดเลือกโรงแรมให้เป็นสถานที่กักตัวของคนไทยที่กลับจากต่างแดน หรือ State Quarantine แลกกับการหักหัวคิว 30-40 เปอร์เซ็นต์ จากเงินที่รัฐบาลจ่ายให้ 1,000 บาท/ราย/วันนั้น
กรณีดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ และเชื่อว่าน่าจะทำกันอย่างเป็นกระบวนการ เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน ซึ่งนายกรัฐมนตรีในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จะต้องรับผิดชอบในการหาตัวผู้กระทำการดังกล่าวมาเปิดเผย และดำเนินการตามกฎหมายอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่เพียงแค่สั่งการไปแล้ว และรอรับรายงานจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติการเท่านั้น เพราะกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยว สมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก สมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา รวมทั้งสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดชลบุรี กล้าออกมาเปิดเผยถึงกรณีดังกล่าว ย่อมต้องมีมูล และสอดคล้องกับการที่ทางฝ่ายความมั่นคงหรือทหาร ก็ได้ออกมาแถลงยอมรับว่ากรณีดังกล่าวเป็นความจริง มีการกระทำกันมากว่า 3-4 คน มิใช่ข่าวโคมลอยแต่อย่างใด
แต่ทว่าจนบัดนี้แล้วระยะเวลาเนิ่นผ่านไปกว่า 10 วันแล้ว การแสวงหาข้อเท็จจริง หาผู้กระทำผิดและเครือข่ายผู้กระทำความผิดที่เกี่ยวข้องที่แท้จริง ยังไม่ปรากฏต่อสาธารณชนแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่มีการระบุประจักษ์พยานในจังหวัดชลบุรีที่ชัดเจนอยู่แล้ว และทางฝ่ายทหารก็ได้ออกมาแถลงต่อสาธารณะยอมรับในข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นแล้ว แต่ทว่าจน ณ บัดนี้ก็ยังไม่ปรากฏความสำเร็จในการนำผู้กระทำผิดมาลงโทษตามกฎหมายแต่อย่างใด
ด้วยเหตุดังกล่าว สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จำต้องเดินทางมาทวงถามยังนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งรัดสั่งการไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเร่งสืบหาและจับกุม นำตัวผู้กระทำความผิด กรณีข่าวการหักหัวคิวโรงแรมที่ใช้เป็น State Quarantine ดังกล่าวมาลงโทษฐานฉ้อโกงประชาชนตามครรลองของกฎหมายต่อไปโดยเร็วด้วย เพราะหากปล่อยให้เรื่องนี้เงียบหายไปก็อาจส่อพิรุธหรือเป็นที่ครหาอันแสดงให้เห็นว่า อาจมีคนสนิทคนโตในรัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ใน ศบค. หรือในจังหวัดที่เกิดเหตุรู้เห็นเป็นใจ จนไม่กล้าจับกุมใช่หรือไม่