ศ.นพ.รณชัย คงสกนธ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ทั่วโลกมีผู้เสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสองเฉลี่ยปีละ 430,000 ราย โดยผู้หญิง 2 ใน 3 ต้องเสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสอง ซึ่งผู้หญิงที่มีสมาชิกในครอบครัวสูบบุหรี่มีโอกาสที่จะได้รับอันตรายจากควันบุหรี่มือสอง ดังนั้น ศจย. จึงสนับสนุน การวิจัย "พฤติกรรมการหลีกเลี่ยงการได้รับควันบุหรี่มือสองของผู้หญิงที่มีสมาชิกในครอบครัวสูบบุหรี่ พ.ศ.2561" โดยกลุ่มตัวอย่างเป็นผู้หญิงที่มารับการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกที่หน่วยตรวจโรคนรีเวชวิทยา โรงพยาบาลศิริราช จำนวน 385 คน
ซึ่งผลการวิจัยพบว่า ร้อยละ 81 ระบุ บ้าน เป็นสถานที่รับควันบุหรี่มือสองจากคนในครอบครัวมากที่สุด และ ร้อยละ 97 ระบุ สมาชิกในครอบครัวสูบบุหรี่ 1-2 คน โดยผู้หญิง ร้อยละ 96 รับรู้ประโยชน์ของการหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง และร้อยละ 65 มีพฤติกรรมปฏิเสธที่จะเข้าไปอยู่ในสถานการณ์ที่มีควันบุหรี่มือสอง
ทั้งนี้การรับรู้ประโยชน์ของการหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองมีความสัมพันธ์กับพฤติกรรมหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสองอย่างมีนัยสำคัญ ดังนั้นควรส่งเสริมให้ผู้หญิงตระหนักถึงความสำคัญในการหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพและอาจเสียชีวิตจากควันบุหรี่มือสอง
ศ.นพ.รณชัย กล่าวต่อว่า ถ้าคนในครอบครัวสูบบุหรี่ในบ้าน ถือว่าเป็นการกระทำความรุนแรงในครอบครัวโดยเจตนาให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ ซึ่งมีความผิดตาม พระราชบัญญัติส่งเสริมการพัฒนาและคุ้มครองสถาบันครอบครัว พ.ศ.2562 โดยนิยามคำว่า "ความรุนแรงในครอบครัว" คือ การกระทำใดๆ ในลักษณะที่ก่อให้เกิดอันตรายแก่สุขภาพ ซึ่งผู้ได้รับควันบุหรี่ถือเป็นผู้ถูกกระทำความรุนแรง สามารถแจ้งศูนย์ส่งเสริมและคุ้มครองครอบครัวซึ่งมีทุกจังหวัด (���ทร. 1300)
จากนั้นหัวหน้าศูนย์ส่งเสริมฯ สามารถยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อให้มีการคุ้มครองสวัสดิภาพ และมีอำนาจออกคำสั่งคุ้มครองสวัสดิภาพได้เท่าที่จำเป็น พร้อมกับทำคำร้องและคำสั่งไปยื่นต่อศาลภายใน 48 ชั่วโมง ทั้งนี้ 20 ส.ค. 2562 จะบังคับใช้กฎหมายฉบับนี้ จึงอยากขอร้องให้คนที่สูบบุหรี่ เลิกสูบบุหรี่ในบ้าน เพราะผลกระทบรุนแรงต่อคนในครอบครัว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง