ไม่พบผลการค้นหา
ศปช. สั่งตรึงกำลังเจ้าหน้าที่พร้อมรับมือฝนหนักภาคใต้อีกระลอก 12 – 16 ธ.ค. นี้ พร้อมเร่งฟื้นฟู บ้าน โรงเรียน วัด มัสยิด ด้าน ปภ. เตรียมประชุมสรุปจ่ายเงินเยียวยา 9,000 บาท ถึงมือประชาชนครบ 16 จังหวัด

วันนี้ (9 ธันวาคม 2567) นางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) ได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องฝนที่จะตกหนักอีกระลอกในพื้นที่ภาคใต้ช่วงวันที่ 12 – 16 ธ.ค. นี้ จึงได้มอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเฝ้าระวังฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่ม ซึ่งขณะนี้ภาคใต้หลายพื้นที่ระดับน้ำเริ่มลดลงแล้ว แต่ยังคงเหลือสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ 2 จังหวัด ได้แก่ จ.นครศรีธรรมราช และสงขลา

“นายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะ ผอ.ศปช. ได้จัดกำลังเจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้อยู่ในพื้นที่ช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ประกอบด้วยกำลังพล 4,254 นาย และเครื่องมือ/ยุทโธปกรณ์ 1,339 หน่วย อาทิ อากาศยาน รถบรรทุกน้ำ เรือลำเลียง ฯลฯ พร้อมปฏิบัติการช่วยเหลือตลอด 24 ชั่วโมง”

นางสาวศศิกานต์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับพื้นที่ที่ระดับน้ำลดลงแล้ว ศอ.บต. ในฐานะศูนย์สนับสนุนจังหวัดเพื่อช่วยคลี่คลายปัญหาสาธารณภัยในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ได้นำทีมเข้าฟื้นฟูพื้นที่สาธารณประโยชน์ อาทิ สถานศึกษา วัด มัสยิด โดยร่วมกับกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม เพื่อให้สถานที่ดังกล่าวกลับคืนสู่ปกติโดยเร็ว นอกจากนี้ยังมีการสนับสนุนกำลังพลโดยอาชีวะศึกษา และเรือนจำกลางของแต่ละจังหวัด และมี ศอ.บต. เป็นหน่วยงานสนับสนุนอุปกรณ์และอำนวยความสะดวก

นางสาวศศิกานต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การจ่ายเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้นั้น ผอ.ศปช. ได้มอบหมายกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เร่งประสานจังหวัด อปท. สำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหายเพื่อดำเนินการให้ความช่วยเหลือตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ และระเบียบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเร่งด่วน

“ในวันนี้ (9 ธ.ค. 67) ปภ. จะจัดประชุมชี้แจงแนวทางการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยในช่วงฤดูฝน ปี 2567 ในพื้นที่ 16 จังหวัด ที่ได้ประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย / พื้นที่ประกาศเขตการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติกรณีฉุกเฉิน ผ่านระบบออนไลน์ เพื่อทำความเข้าใจแก่หน่วยงานและผู้ปฏิบัติงานให้ดำเนินการตามขั้นตอนได้อย่างถูกต้อง และนำเงินเยียวยา 9,000 บาท ส่งถึงมือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่ได้เร็วที่สุด”