วันที่ 26 ต.ค. ที่อาคารรัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 27 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 1 ธิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล สส.ภูเก็ต พรรคก้าวไกล ตั้งกระทู้ถามสดว่าด้วยปัญหาการใช้ประโยชน์จากที่ดินป่าสงวนแห่งชาติป่าบางขนุน จ.ภูเก็ต เพื่อก่อตั้งเป็นศูนย์ต่อสู้อากาศยานของกองทัพเรือ
ธิติกันต์ ชี้แจงข้อมูลว่า อธิบดีกรมป่าไม้ มีการประกาศจากกรมป่าไม้อนุญาตให้กองทัพเรือใช้พื้นที่ประโยชน์ในเขตป่าสงวนดังกล่าว ในการก่อตั้งศูนย์ต่อต้านอากาศยาน ที่มีเนื้อที่กว่า 3,700 ไร่ และมีสิ่งที่น่าแปลกใจ คือมติที่ประชุมสภา อบต. ทั้งกองทัพเรือขอไปเพียง 500 ไร่ เหตุใดอธิบดีกรมที่ดินจึงให้กว่า 3,000 ไร่ และทำให้พื้นที่ในจังหวัดที่จะยกระดับให้เป็นพื้นที่การท่องเที่ยวกลายเป็นพื้นที่ของทหารหรือไม่
ธิติกันต์ ยังตั้งคำถามต่อว่า มีความจำเป็นแค่ไหนในการสร้างศูนย์ต่อต้านอากาศยาน จึงอยากสอบถามเหตุผลเรื่องของการใช้พื้นที่ดังกล่าว รวมถึงข้อสงสัยเรื่องของการเตรียมพร้อมรับมือภัยความมั่นคงมากน้อยแค่ไหน
ด้าน สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ชี้แจงในประเด็นดังกล่าวถึงเหตุผลความจำเป็นในการใช้พื้นที่ว่า จ.ภูเก็ต ถือเป็นจุดสำคัญในยุทธศาสตร์ทะเลอันดามัน และจำเป็นที่จะต้องมีการเฝ้าระวังในหลายด้าน และการมีสนามบินนานาชาติภูเก็ต
ก็จำเป็นที่จะต้องมอบหมายให้กองทัพเรือในการดูแลพื้นที่ดังกล่าวให้มั่นคง โดยทางยุทธศาสตร์ที่ทางกองทัพได้มีการพิจารณาก็จะต้องมีการดูพื้นที่ที่เหมาะสม และได้เปรียบทางยุทธศาสตร์ในการดูแล โดยขั้นตอนในการหาพื้นที่ดังกล่าวนั้นมีสมัยก่อนที่ตัวเองจะเข้ารับตำแหน่ง
สุทิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ส่วนตัวได้มีการศึกษารายละเอียดก็เห็นด้วยว่า พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ได้เปรียบในเชิงยุทธศาสตร์ และสามารถวางกำลังในการปกป้องได้มีประสิทธิภาพ ส่วนคำถามที่ว่าจำเป็นหรือไม่ที่จะต้องใช้มากกว่า 3,000 ไร่ ทางกองทัพเรือก่อนได้รับการอนุมัติก็มีการเสนอแผนการใช้ที่ดินไปยังกรมป่าไม้และจังหวัด
ซึ่งมีหน้าที่ในการอนุมัติที่ดินให้กับหน่วยงานราชการใช้ ซึ่งกรมป่าไม้ และหน่วยงานจังหวัดได้มีการพิจารณาแผนการใช้งานของกองทัพเรืออย่างรอบคอบว่า ควรจะใช้เท่าไร ดังนั้นเมื่อการอนุมัติออกมาในลักษณะนี้ก็เชื่อว่า ฝ่ายที่เกี่ยวข้องก็ได้มีการพิจารณาอย่างละเอียดแล้วว่าในพื้นที่กว่า 3,000 ไร่ถือว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสม
แม้จะถูกมองว่า การทำเช่นนี้จะขัดต่อนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่จะนำพื้นที่ของทหารไปใช้ประโยชน์อย่างอื่น สุทิน กล่าวว่า ส่วนตัวก็ได้มีการสอบถามกองทัพเรือไปอีกครั้งหลังเข้ามาดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า มีความจำเป็นแค่ไหนในการใช้พื้นที่ในปริมาณดังกล่าว ซึ่งทางกองทัพเรือก็ได้มีการชี้แจงว่า หากเป็นพื้นที่ในส่วนของอาคารสำนักงาน ก็สามารถใช้พื้นที่เพียง 300-400 ไร่ได้ แต่พื้นที่นอกเหนือจากนี้ก็จะต้องมีพื้นที่สำหรับการฝึกรวมถึงการใช้งานเพื่อยุทธศาสตร์
ทั้งนี้ สุทิน ยังยืนยันว่า จะตรวจสอบอย่างละเอียดถึงความคุ้มค่าในการใช้พื้นที่ในปริมาณดังกล่าวหากตรวจสอบแล้วพบว่าการใช้พื้นที่ถึง 3,000 ไร่ได้ความคุ้มค่า หากไม่เพียงพอก็จะจัดสรรให้กับประชาชนตามความสมควร