ไม่พบผลการค้นหา
กลุ่มสังคมนิยมประชาธิปไตย จัดเสวนารณรงค์เข้าชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ แจงรัฐธรรมนูญร่างโดยโจรเพื่อโจร ไม่ควรถือเป็นกฎหมายสูงสุดตั้งแต่ต้น ด้าน ส.ส. เพื่อไทย ชี้ คสช.-รัฐธรรมนูญ ทำประเทศเป็นเหมือนคนพิการ ที่เดินด้วยขาข้างเดียว

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส. นครพนม พรรคเพื่อไทย ร่วมงานเสวนาสาธารณะ ‘ยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 กับทางรอดประเทศไทย’ ที่จัดโดยกลุ่มสังคมนิยมประชาธิปไตยและองค์กรเครือข่าย

นายชวลิต กล่าวว่า ไม่มีรัฐบาลไหนจะสามารถแก้ปัญหาโดยเฉพาะเรื่องปากท้องให้ประชาชนได้ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ เพราะทำให้ประเทศไม่มีความเชื่อมั่นทั้งจากภาคเอกชนและต่างชาติ ต่อเนื่องมาตั้งแต่รัฐประหารและการครองอำนาจ คสช. ตลอด 5 ปีที่ผ่านมา ทำให้ประเทศไทยกลายเป็นเหมือนคนพิการที่เดินด้วยขาข้างเดียว เพราะการดำเนินการทางเศรษฐกิจต้องเดิน 2 ขาคือการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน แต่ไทยอาศัยเพียงการลงทุนภาครัฐอย่างเดียวเท่านั้น

นอกจากนี้ นายชวลิต ยังกล่าวถึงรัฐธรรมนูญที่เรียกว่าฉบับปราบโกงนั้นไม่เป็นความจริง แต่ตรงกับวลี "ออกแบบมาเพื่อพวกเรา" จากคำพูดของแกนนำกลุ่มสามมิตร จากนั้นก็มีคำพูดของนายวีระกร คำประกอบ ส.ส. พลังประชารัฐ ทางรายการโทรทัศน์ว่า "รัฐธรรมนูญนี้ออกแบบเพื่อพรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้พลเอกประยุทธ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นนายกรัฐมนตรี" ซึ่งนายชวลิต จะขอนำคลิปไปเปิดเพื่ออภิปรายในสภา แต่ประธานไม่อนุญาต และสอดคล้องกับการสำรวจความเห็นประชาชนที่มองว่า รัฐธรรมนูญออกแบบมาเพื่อการสืบทอดอำนาจ คสช. ดังนั้น การแก้ปัญหาให้ประชาชนจะไม่สามารถทำได้หากกติกาสูงสุดยังเป็นเช่นนี้

นายชวลิต มองว่า ระบบการเมืองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย คือหัวใจของปัญหาชาติ และแม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยจะยากยิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขา แต่หนทางสู่ความสำเร็จอยู่ที่ประชาชน พร้อมยืนยันว่า จะนำเรื่องนี้เข้าพูดคุยในพรรคเพื่อไทยและในรัฐสภา ซึ่งแนวทางดำเนินการจะทำด้วยวิธีสันติและไม่ลงบนท้องถนน โดยเชื่อว่า มีช่องทางทำได้ในสภา เพราะแม้พรรคประชาธิปัตย์ ก็มีเงื่อนไขนี้ในการร่วมรัฐบาลเกี่ยวกับการแก้รัฐธรรมนูญ 

สมยศ พฤกษาเกษมสุข

ด้านนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ประธานกลุ่มสังคมนิยมประชาธิปไตย ระบุว่า ไทยใช้รัฐธรรมนูญ 20 ฉบับ เฉลี่ย 3 ปีกว่าที่แต่ละฉบับบังคับใช้นับแต่เปลี่ยนแปลงการปกครอง ซึ่งเป้นเช่นนี้เพราะมีการรัฐประหาร โดยเห็นว่า รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย คือ ฉบับปี 2475, ฉบับปี 2517 และปี 2540 เท่านั้น โดยการพิจารณารัฐธรรมนูญว่าดีหรือไม่จาก 3 อย่าง คือ ที่มา, กระบวนการร่างและเนื้อหา ซึ่งเห็นชัดว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 มาจากรัฐประหาร และเรียกการยึดอำนาจรัฐว่า ‘พฤติกรรมของโจร’ จึงเป็น ‘รัฐธรรมนูญโจรานุโจร’ เพราะมาจากโจร - ร่างโดยโจรและเพื่อโจรทั้งหลาย 

นายสมยศ ยืนยันว่า กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญอยู่ภายใต้บรรยากาศที่ไม่เป็นประชาธิปไตย ประชาชนไม่มีส่วนร่วม และยังถูกดำเนินคดี อีกทั้งถูกมัดมือชกในการลงประชามติ ส่วนเนื้อหาไม่เป็นประชาธิปไตยอย่างชัดเจน มีการ ‘ล็อกสเปก’ ให้องค์กรอิสระรวมถึงกรรมการยุทธศาสตร์ชาติมาคุมรัฐบาล, มีการนิรโทษกรรมให้คณะรัฐประหาร ซึ่งเท่ากับรับรองว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง พร้อมเสนอด้วยว่า ควรยุบกรรมการสิทธิมนุษยชน แต่หากไม่ยุบก็ควรมีที่มาและบทบาทอย่างในรัฐธรรมนูญปี 2540 

นายสมยศ มองว่า การจะยกเลิกหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญ ทำได้ 3 วิธีคือ 1) รัฐประหารโดยต้องมีคนปูทาง อย่าง กปปส. หรือ ม็อบเสื้อเหลือง 2) พรรคการเมืองดำเนินการ แต่จะแก้ไขได้แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ 3) การลุกฮือของประชาชนซึ่งต้องลงสู่ท้องถนน แต่พรรคการเมืองต่างๆ ล้วนปฏิเสธแนวทางนี้ ซึ่งนายสมยศ ไม่เห็นด้วยกับการปฏิเสธแนวทาวนี้พร้อมกับย้ำว่า ประชาธิปไตยไทยและทั่วโลก ล้วนได้มาจากการลงท้องถนน ไม่เคยได้มาจากห้องประชุม อย่างไรก็ตาม แม้แนวทางการเข้าชื่อประชาชนจะนำสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยได้ยาก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นและต้องพยายาม อย่างน้อยที่สุดก็ให้ได้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 กลับคืนมา

ภายในงานยังมีการแถลงข่าว ‘รณรงค์ล่ารายชื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560’ นำโดย นายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ พร้อมด้วยคณะผู้ประสานงานการรณรงค์ ซึ่งจะมีการรวบรวมรายชื่อประชาชน 50,000 (ห้าหมื่น) รายชื่อตามรัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 256 (1) และ พรบ. ว่าด้วยการเข้าชื่อเสนอกฎหมายปี 2556 โดยเชิญชวนให้ผู้สนใจและสนับสนุนร่วมลงชื่อพร้อมแนบเอกสารประกอบการเข้าชื่อเสนอกฎหมาย นอกจากนี้ ยังมีการเปิดบัญชีธนาคารกสิกรไทย สาขาเซียร์ รังสิต เลขที่ 057-1-98644-2 เพื่อสมทบทุนในโครงการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย

โดยนายบูรพา เล็กล้วนงาม คณะทำงาน รณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ ยืนยันว่า รัฐธรรมนูญปี 2560 ไม่ควรถือเป็นรัฐธรรมนูญตั้งแต่ต้น เพราะไม่ใช่รัฐธรรมนูญของประชาชน แต่มาจากการรัฐประหารที่เป็นชนชั้นปกครองที่กดขี่ อีกทั้งเนื้อหาละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน และยังให้มี ส.ว. จากการแต่งตั้งที่มีอำนาจมาก, ระบบเลือกตั้งไม่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน ตลอดจนที่มาของนายกรัฐมนตรี ซึ่งควรกำหนดมาจาก ส.ส. เท่านั้น ที่สำคัญจำเป็นต้องยกเลิกยุทธศาสตร์ชาติของ คสช. และทบทวนความมีอยู่ขององค์กรอิสระ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเหตุผลหลักๆ ที่ต้องยกเลิกหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560