วันที่ 5 เม.ย. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ครบ 136 ปี โดยมี พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.สถิธชนก สังขจันทร์ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และเสนาธิการทหารบก ผู้แทน ผบ.ทบ. เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง
ขณะที่พิธี เริ่มจากการถวายสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในศาลาว่าการกลาโหม ทั้งเจ้าพ่อหอกลอง พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว พระบรมรูปหล่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระรูปจอมพลสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังสีสว่างวงศ์ฯ รูปหล่อจอมพลและมหาอำมาตย์เอกเจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี (เจิม-แสง-ชูโต) จากนั้นเป็นพิธีสงฆ์ ณ ห้องพินิตประชานาถ ในศาลาว่าการกลาโหม
หลังจากนั้น พล.อ.สนิธชนก จะเดินทางไปเยี่ยมเยียนทหารซึ่งได้รับบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามผู้ก่อเหตุรุนแรงและการป้องกันประเทศ ณ โรงพยาบาลทหารผ่านศึก
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายกรัฐมนตรี มีสีหน้าที่อิดโรย หลังจากที่ 2 วันที่ผ่านมานายกรัฐมนตรี มีภารกิจการรับสมัคร ส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ
ขณะเดียวกันผู้สื่อข่าวยังรายงานอีกว่า ระหว่างที่นายกรัฐมนตรี ทำพิธีสักการะศาลเจ้าพ่อหอกลอง และปักธูปยังเครื่อง เซ่นไหว้ ธูปได้จี้ไปที่บริเวณแขนข้างที่มือเจ็บ จนทำให้นายกรัฐมนตรีสะดุ้ง
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานในพิธีวันคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม ครบ 136 ปี ว่า วันนี้ถือเป็นวันครอบรอบ 136 ปี ของกระทรวงกลาโหม จึงสะท้อนให้เห็นว่ากลาโหมอยู่คู่บ้านคู่เมืองมายาวนาน ด้วยสถาบันพระมหากษัตริย์ที่ได้ก่อตั้งไว้ ดังนั้นก็ต้องช่วยกันรักษา เพื่อให้ดำรงไว้ซึ่งความเข้มแข็ง เกียรติยศ และเกียรติศักดิ์ของกองทัพ เหล่าทัพ และสังคม จึงขอให้เรารักชาติบ้านเมืองมากยิ่งขึ้น เพื่อให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย แต่หากบ้านเมืองไม่สงบก็จะส่งผลให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา และขาดโอกาสในเรื่องของการต่างประเทศ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวอีกว่า ขอฝากบทพระราชนิพนธ์ของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือรัชกาลที่ 6 ที่ระบุว่า “ชาติใดไร้รักสมัครสมาน จะทำการสิ่งใดก็ไร้ผล แม้ชาติย่อยยับอับจน บุคคลจะสุขอยู่ได้อย่างไร” ให้ประชาชนได้ไปคิดวิเคราะห์ เพื่อหาทางทำให้บ้านเมืองเราสงบเรียบร้อยมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม และก้าวเข้าไปสู่เวทีโลกได้อย่างสมศักดิ์ศรี และสง่างาม เนื่องจากวันนี้แต่ละประเทศมีมุมมองที่แตกต่างกัน จึงขอให้ติดตามสถานการณ์ทางด้านความมั่นคงของทุกประเทศรอบโลก
โดยเฉพาะในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะถ้าประเทศเราสงบเรียบร้อยก็จะสามารถใช้ศักยภาพของเราที่มีอยู่ได้อย่างเต็มที่ในหลากหลายมิติทั้งความมั่นคง สังคม สุขภาพ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งถือว่ามีความสำคัญกับประชาชนมากที่สุด พร้อมย้ำว่าขอให้ช่วยกันนำพาบ้านเมืองไปสู่ความปลอดภัย และสันติสุข โดยอย่าให้เกิดวิกฤติการณ์อะไรต่างๆที่ทำให้ประเทศชาติเสียหายนับจากนี้ต่อไป
อย่างไรก็ตาม เมื่อถามว่า สำหรับคำพูดในครั้งนี้จะสื่อถึงสัญญาณความวุ่นวายที่จะเกิดขึ้นใช่หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ขอให้ไปคิดเอาเอง แต่ยืนยันว่าไม่ได้จะหมายถึงพรรคขั้วตรงข้ามรัฐบาลหรืออะไรทั้งนั้น เพราะหลาย ๆ อย่างก็รู้กันอยู่แล้ว