ไม่พบผลการค้นหา
สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เผยผลตรวจ “บัตรพลังงาน” พบค่ารังสีสูงกว่าขีดจำกัด 350 เท่า ย้ำประชาชนไม่ควรมีไว้ในครอบครอง เสี่ยงรับรังสีโดยไม่จำเป็น

จากกรณีกระแสข่าวประชาชนซื้อบัตรสมาร์ทการ์ด คล้ายบัตร ATM ที่อ้างว่าเป็นบัตรพลังงาน มีสรรพคุณในการรักษาโรคโดยเฉพาะอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ ตามร่างกาย โดยใช้วิธีการนำบัตรไปแกว่งในแก้วน้ำแล้วนำมาดื่ม หรือนำแก้วน้ำวางทับบนบัตรแล้วดื่ม รวมทั้งมีการนำบัตรสัมผัสกับร่างกายในจุดที่ปวดเมื่อย สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ หรือ ปส. ในฐานะหน่วยงานกำกับดูแลความปลอดภัยทางนิวเคลียร์และรังสีของประเทศได้เดินทางรับตัวอย่างจาก รศ. ดร.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อ.อ๊อด อาจารย์ภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พร้อมเร่งตรวจสอบด้วยกระบวนการและเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์ที่ทันสมัย 


64652057_2299426346814329_7667472768979435520_n.jpg

ล่าสุดวันนี้ (วันที่ 17 มิ.ย. 62) ปส. ได้ผลการวิเคราะห์ ดังนี้ 

1. ไม่พบการเปรอะเปื้อนทางรังสีที่วัสดุห่อหุ้มและพื้นผิวของแผ่นการ์ด สำหรับการ์ดตัวอย่างที่สมบูรณ์ไม่แตกหัก 

2. การวัดธาตุองค์ประกอบของแผ่นการ์ดด้วยเทคนิคการเรืองรังสีเอกซ์ (X-ray Fluorescence: XRF) พบธาตุยูเรเนียมและทอเรียม

3. การวิเคราะห์ไอโซโทปรังสีในแผ่นการ์ดด้วยระบบวิเคราะห์แกมมาสเปคโตรสโคปี (Gamma Spectroscopy) พบนิวไคลด์กัมมันตรังสีของอนุกรมทอเรียมและยูเรเนียม 

4. การวัดค่าระดับรังสี (Dose rate) เทียบกับค่ารังสีพื้นหลัง พบว่า ระดับรังสีของแผ่นการ์ดสูงกว่าระดับรังสีพื้นหลัง ประมาณ 200 เท่าที่ระยะห่างจากแผ่นการ์ด 1 เซนติเมตร ซึ่งระดับรังสีที่วัดได้อยู่ที่ประมาณ 40 ไมโครซีเวิร์ตต่อชั่วโมง หรือเทียบเป็น 350 เท่าของขีดจำกัดการได้รับปริมาณรังสีสำหรับประชาชนทั่วไปในระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นไปตามกฎกระทรวงความปลอดภัยทางรังสี พ.ศ. 2561 

5. การวัดค่าการกระจายตัวของสารกัมมันตรังสีในแผ่นการ์ด ด้วยเทคนิค Imaging plate พบว่าสารกัมมันตรังสีกระจายอยู่ทั่วทั้งแผ่นการ์ดอย่างสม่ำเสมอ

6. การถ่ายภาพเพื่อดูลักษณะภายในของแผ่นการ์ดด้วยรังสีเอกซ์ ไม่พบชิ้นส่วนอื่นใดประกอบอยู่ภายในแผ่นการ์ด


64684496_2299426600147637_5920316464224534528_o.jpg

ทั้งนี้หากยูเรเนียมและทอเรียมเข้าสู่ร่างกายจะก่อให้เกิดการแผ่รังสีต่ออวัยวะภายใน และเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ทั้งนี้ ปส. เตรียมการวิเคราะห์การปนเปื้อนของวัสดุกัมมันตรังสีเมื่อนำแผ่นการ์ดแช่ในน้ำในลำดับต่อไป และเมื่อมีข้อมูลครบถ้วน ปส. อาจดำเนินคดีกับบริษัทผู้จำหน่ายต่อไป

ปส. จึงแนะนำให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการครอบครองและใช้สินค้าที่มีส่วนผสมของวัสดุกัมมันตรังสี วัสดุนิวเคลียร์ หรือวัตถุอันตรายดังกล่าว เพราะนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์หรือความคุ้มค่าแล้ว อาจได้รับรังสีโดยไม่จำเป็น ซึ่งมีปริมาณสูงกว่าระดับรังสีที่มีอยู่ตามธรรมชาติทั่วไป 

ทั้งนี้หากประชาชนผู้ใช้สินค้ามีข้อกังวลใจประเด็นที่ไม่ทราบว่าจะนำการ์ดดังกล่าวไปกำจัดที่ไหน สามารถประสานไปยังสถาบันเทคโนโลยีนิวเคลียร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ สทน. เพื่อจัดการต่อไป

สคบ. เตือนอย่าหลงเชื่อ

ด้านสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. ได้ตรวจสอบเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวแล้ว พบข้อเท็จจริงว่า ในการดำเนินการดังกล่าว ได้มี บริษัท เอ็กซ์เพิร์ทโปรเน็ทเวิร์ค จำกัด เป็นผู้จำหน่ายสินค้า ซึ่งเคยได้รับอนุญาตให้ประกอบธุรกิจขายตรง จาก สคบ. เมื่อปี 2556 โดยขอจำหน่ายสินค้าประเภทเครื่องสำอางและได้ถูกเพิกถอนทะเบียน นับแต่วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562เนื่องจากไม่มาวางหลักประกันการประกอบธุรกิจขายตรง

ดังนั้น จากข้อเท็จจริง หากบริษัทยังประกอบธุรกิจขายตรงอยู่ จึงเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติขายตรงและตลาดแบบตรง พ.ศ. 2545 ฐานประกอบธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และปรับอีกไม่เกินวันละ 20,0000 บาท ตลอดระยะเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่ อีกทั้งอาจเป็นความผิดฐานเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ ปริมาณ หรือสาระสำคัญประการอื่นอันเกี่ยวกับสินค้าโดยใช้โฆษณา หรือใช้ฉลากที่มีข้อความอันเป็นเท็จหรือข้อความที่รู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าอาจก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ทั้งนี้ สคบ. ได้ดำเนินการเรียกผู้ประกอบธุรกิจไปชี้แจงข้อเท็จจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ต่อไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคที่ได้รับความเสียหายจากการกระทำของผู้ประกอบธุรกิจดังกล่าวข้างต้น สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมทุกจังหวัด หรือโทรสายด่วน 1166

ภาพ : FB Weerachai Phutdhawong

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :