เมื่อวันที่ 17 ต.ค. เวลา 17.25 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญเป็นพิเศษพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เป็นผู้เสนอ โดยนายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ปัจจุบันและย้อนหลังไป 5 ปี มีข้อสังเกตว่าการลงทุนภาคเอกชน เมื่อการลงทุนภาคเอกชนนิ่งสนิทไม่ได้เป็นการขับเคลื่อนประเทศ เหมือนเดินขาเดียว ประเทศเหมือนคนพิการ จึงเหลือแต่การลงทุนภาครัฐเท่านั้นที่เรากำลังพิจารณาอยู่ในวันนี้ เมื่อเหลือการลงทุนภาครัฐ รัฐบาลต้องให้ความสำคัญในการใช้จ่ายเม็ดเงินงบประมาณ ซึ่งเป็นภาษีของประชาชนให้ตอบโจทย์ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน แต่หาเป็นเช่นนั้นไม่ สำหรับตนเองเห็นว่าการจัดทำงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ดำเนินตามกฎหมายหรือไม่ ตัวอย่างแรก ตนมีเอกสารงบประมาณ รายงานสถานะและแผนการใช้เงินนอกงบประมาณ ประจำปี 2563 จากการเปิดดูร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 2563 ตั้งแต่มาตรา 1- 55 ไม่มีมาตราใดลงรายละเอียดแผนงาน เป็นการดำเนินการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 140 และมาตรา 141 ชัดเจน ดังนั้น ควรจะมีการแก้ไข
นายชวลิต ระบุว่า การใช้งบกลางโดยไร้การตรวจสอบและผิดเงื่อนไขไม่เป็นกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน จำเป็น ที่สำคัญงบประมาณที่ใช้ไม่ก่อให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ตอบโจทย์ปัญหาความเดือดร้อนประชาชน ย่อมผิดกฎหมายวินัยการเงินการคลัง และการใช้เงินงบกลางถึง 2.8 พันล้านบาท ซื้อยานเกราะสไตรเกอร์ ทั้งที่ปัญหาเศรษฐกิจเดือดร้อน โดยส่วนตัวเห็นว่าการใช้เงินดังกล่าวไม่เข้าหลักเกณฑ์งบกลาง ไม่ใช่กรณีกรณีฉุกเฉินเร่งด่วน ถ้าตนเป็นรัฐบาลจะช่วยเกษตรกรส่วนใหญ่ เพราะขณะนี้ขาดแคลนน้ำและน้ำท่วม ดังนั้น ควรเอาเงินซื้ออาวุธไปซื้อเครื่องบินทำฝนหลวงแทนจะดีกว่า
รมว.ท่องเที่ยวฯ โชว์ รายได้นักท่องเที่ยวพุ่งตลอดปี 3.3 ล้านล้าน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ชี้แจงต่อสภาฯว่า ในไตรมาส 2 นักท่องเที่ยวจีนได้ลดลง แต่ขณะเดียวกันในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวชาวจีนได้เพิ่มขึ้น 5.8 เปอร์เซ็นต์ เดือน ส.ค. ขยายตัวนักท่องเที่ยวจีนกว่า 18 เปอร์เซ็นต์ และเดือน ก.ย.ก็ขยายตัวต่อเนื่องของนักท่องเที่ยวจีนกว่า 31.56 เปอร์เซ็นต์ แสดงให้เห็นสัญญาณบวกของนักท่องเที่ยวจีน ในปี 2562 ที่จะเข้าสู่ไฮซีซั่น และปี 2562 มีอัตราขยายตัว 7.47 เปอร์เซ็นต์ เป็นทิศทางสอดคล้องกับการขยายตัวของนักท่องเที่ยวชาวจีน และวันชาติจีน 1-7 ต.ค. 2562 ประเทศไทยยังเป็นเป้าหมายลำดับต้นๆของนักท่องเที่ยวจีน โดย 9 เดือนที่ผ่านมามีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางในประเทศไทย 8.5 ล้านคนขยายตัวอยู่ที่ 1.7เปอร์เซ็นต์ สรุปประมาณการทั้งปีจะมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไทย 11 ล้านคน และจะมีนักท่องเทงี่ยวชาติ 40 กว่าล้านคน ขยายตัวร้อยละ 4.5 โดยรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวน 2.15 ล้านล้านบาท ประกอบกับนักท่องเที่ยวในประเทศอีก 1.5 ล้านล้าน ดังนั้น ปี 2562 ประมาณการรายได้จากนักท่องเที่ยวจะมีจำนวน 3.3 ล้านล้านบาท
2 เสียงฝ่ายค้านอิสระยันหนุนผ่านงบฯวาระแรก
ด้าน นายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย ซึ่งประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอิสระ ร่วมกับนายมงคลกิตติ์ สุขสินธรานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิิไลย์ ลุกขึ้นอภิปรายสนับสนุนงบประมาณของรัฐบาล พร้อมกับยกปัญหากรณีที่ บ.คิงส์เกต คอนโซลิเดตเต็ด ลิมิเต็ด บริษัทแม่ของ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด เตรียมฟ้องร้องค่าเสียหายจากรัฐบาลไทย กรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ในขณะนั้น ใช้ ม.44 ออกคำสั่่งที่ 72/2559 ปิดเมืองทองอัครา ที่ จ.พิจิตร โดยยืนยันว่าการตัดสินใจของ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นเรื่องที่ถูกต้อง และอยากให้คนไทยเข้าใจว่าสุดท้ายหากรัฐบาลไทยแพ้คดี และมีความจำเป็นต้องเสียเงินก้อนใหญ่ ก็ต้องยอมเพื่ือแลกกับคุณภาพชีวิต การยุติความขัดแย้งในพื้นที่ และนำสิ่งแวดล้อมที่ดีกลับคืนมา จึงอยากให้กำลังใจ พล.อ.ประยุทธ์ และเชื่อว่าเรื่ืองนี้รัฐบาลไทยจะตัดสินใจอย่างถูกต้อง
นายพิเชษฐ์ ยังยืนยันว่า ฝ่ายค้านอิสระ 2 เสียง จะยกมือเห็นชอบหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 ด้วย
รมว.คลัง โต้ปมเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า ย้ำปี 62 รายได้เข้าเป้า
ขณะที่ นายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง ยืนยัน ชี้แจงว่า ร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ฉบับนี้ แม้จะเป็นฉบับแรกของรัฐบาล แต่ก็ให้ความสำคัญกับทุกมติ และถูกต้องตามกฏหมาย ในรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะกฏหมายที่เกี่ยวข้องกับวินัยการเงินการคลัง ที่มีการปรับปรุงและนำเข้าที่ประชุม ครม.พิจารณา และมีรายละเอียดแหล่งที่มาของรายได้ จากการจัดเก็บรายได้ของกรมสรรพากร และรายได้ที่ไม่ใช่ภาษี รวมถึงการจัดเก็บทางอื่น และรายได้จากรัฐวิสหกิจ ซึ่งได้มีการดำเนินการอย่างครอบคลุม รอบคอบผ่านกลไกและคณะทำงานซึ่งมีความเชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่นสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ปรากฏในเอกสาร โดยมีรายละเอียดอยู่ในร่าง พ.ร.บ.งบประมาณอยู่แล้ว และในทางปฏิบัติรายได้ที่จัดเก็บเข้ามาก็นำเข้ามาอยู่ในบัญชีที่ 1 ซึ่งมีรายได้เข้ามาในห้วงเวลาที่แตกต่างกันและได้มีการบันทึก
ขณะเดียวกันการจัดทำงบประมาณก็เป็นไปตามคำขอโดยมีกระบวนการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณเป็นไปตามแผนงานและเป็นประโยชน์สูงสุดกับประชาชน และการตั้งงบประมาณเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ในการจัดสรรงบประมาณและสอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ 6 ด้าน และมีการจัดทำรายรับ รายจ่าย ประจำปี และงบลงทุนไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20 รวมถึงการบริหารเศรษฐกิจ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์แต่ละห้วงเวลา มีการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน เช่น แก้ปัญหาความเหลือมล้ำยากจน
นายอุตตม ระบุว่า รัฐบาลมีการหารือในเรื่องนี้อย่างรอบคอบเพื่อการเร่งการใช้จ่ายเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ไม่ใช่การแจกเงินอย่างไร้เป้าหมาย โดยรัฐบาลมีหลัก 4 ข้อในการออกแบบมาตรการชุดเศรษฐกิจ คือ 1.ต้องแก้ตรงจุด 2.มีความรวดเร็วทันการณ์ 3.เป็นมาตรการชั่วคราว 4.ดำเนินการด้วยความโปร่งใส และมีประสิทธิภาพ ส่วนกลุ่มเป้าหมายของเรา คือผู้มีรายได้น้อย เช่น เกษตรกร โดยมาตรการ ‘ชิม ช้อป ใช้’ เป็นมาตรการสำหรับประชาชนทั่วไป และเป็นหนึ่งในชุดมาตรการที่ใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงเป็นสิ่งที่ทำให้คนมีเงินจับจ่าย ขณะที่ธุรกิจก็ได้ลูกค้า และที่สำคัญยังส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทยที่สร้างรายได้มหาศาลให้กับประเทศ และมาตรการ ‘ชิม ช้อป ใช้’ ไม่ใช่การหว่านเงิน และร้านค้าที่ร่วมโครงการนี้ กว่าแสนร้าน หรือร้อยละ 80 เป็นร้านค้ารายย่อย ร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ใช่ห้างใหญ่ และคาดว่าจะมีจำนวนห้างใหญ่มาร่วมโครงการนี้ลดลง
ส่วนที่มีการดำเนินการผิดหลักเกณฑ์ยอมรับว่าก็มีบ้าง แต่เป็นส่วนน้อย เมื่อพบก็ได้ตักเตือน แต่ถ้าเกินขอบเขต ก็มีมาตรการจัดการ ทั้งการระงับสิทธิ์ เพิกถอนสิทธิ์ และดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนเรื่องสวัสดิการแห่งรัฐ มีการใช้ระบบอี-เพย์เมนท์ ตอนนี้กำลังต่อยอด ขยายผลอย่างกว้างขวาง ใช้เทคโนโลยีมาทำให้มาตรการนี้ไปสู่ประชาชน และจากนี้ไปสิ่งดีๆ จะเข้าหาประชาชนตามมาแน่นอน เช่นเดียวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่ตอนแรกประชาชนยังไม่รู้วิธีใช้ แต่ตอนนี้ก็ใช้ได้ดี สำหรับข้อมูลการจับจ่ายของประชาชนผ่านมาตรการระบบของรัฐ เรารวบรวมเพื่อนำไปใ่ช้ประโยชน์ในการบริหารประเทศ บริหารโครงการ ไม่ได้เอาไปทำอื่นใด ทั้งนี้การดูแลลเศรษฐกิจไทย ต้องอาศัยทุกภาคส่วนมาช่วยกัน เพื่อทำให้คนในและคนข้างนอกมองเข้ามาด้วยความเชื่อมั่นต่อประเทศไทย โดยเฉพาะสถาบันการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่มองว่าไทยมียุทธศาสตร์และเป้าหมายที่ชัดเจน และแข็งแกร่งเพียงพอทางการเงินการคลัง ซึ่งมูสดี้และเฟดจัดอันดับไทยว่ามีเสถียรภาพเชิงบวก
รมว.คลัง ชี้แจงว่า ที่ ส.ส.อภิปรายว่าการจัดเก็บรายได้ได้ตามที่แถลงไว้จริงหรือไม่นั้น ประมาณการไว้มากหรือไม่ ขอเรียนว่าที่ได้มี ส.ส.อภิปรายว่าปีที่ผ่านมารัฐบาลจัดเก็บรายได้ไม่เข้าเป้า ถือว่าคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับความเป็นจริง ยืนยันว่าในปี 2562 จัดเก็บรายได้สูงกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท หน่วยงานส่วนใหญ่จัดเก็บได้ตามเป้า โดยภาษีมูลค่ามีลดลงเพราะเรื่องราคาน้ำมัน มีผลต่อภาษีมูลค่าเพิ่ม ในปี 2563 เศรษฐกิจมีความท้าทายจากเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ดี ที่รายได้ประมาณการของรัฐบาลไว้ที่ 2.73 ล้านล้านบาทไม่ถือว่าสูงจนเกินไป จากมาตรการต่างๆ ที่มี และมาตรการรายได้ที่กำลังนำมาใช้ ตนเรียนโดยสังเขป ว่าดำเนินนโยบายให้มีการจัดเก็บรายได้ให้มีประสิทธิภาพ มีการใช้เทคโนโลยีขยายฐานภาษี อำนวยความสะดวกให้คนชำระภาษีมากขึ้น ปี 2562 บุคคลธรรมดาชำระภาษี 11 ล้านคน อีกทั้งนำฐานข้อมูลขนาดใหญ่เพื่อนำผู้อยู่นอกระบบภาษีเข้าอยู่ในระบบเพิ่มมา 1.7 แสนราย
นายอุตตม ระบุว่า ที่มี ส.ส.อภิปรายการเบิกจ่ายของหน่วยงานว่าเบิกจ่ายไม่มีประสิทธิภาพบางแห่งได้งบประมาณมาก นอกจากการเบิกจ่ายเราก็ดูการก่อหนี้ผูกพัน งบลงทุน ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัด แต่เมื่อผูกพัน ก็คือการลงทุนตามแผนงาน
'ประยุทธ์' ชี้ไฟใต้แรงเหตุการเมืองหวังโลกกดดันไทยมุ่งแยกดินแดน
จากนั้นเวลา 19.10 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ระบุถึงการแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ สถานการณ์ภาพรวมความเคลื่อนไหวการก่อเหตุรุนแรงได้ลดลง แปรเปลี่ยนก่อเหตุการเมืองมากขึ้นในปี 2557 - 2562 เหตุการณ์รุนแรงลดลงทุกปี สะท้อนให้เห็นมาตรการเชิงรุกของเจ้าหน้าที่ ผู้ก่อเหตุเน้นงานการเมือง เพื่อให้ประชาคมโลกกดดันไทย นอกจากนี้ ภาครัฐมีทิศทางพัฒนาแก้ไขให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งกำหนดแผนใช้จ่ายงบประมาณ ไม่ใช่งบฝ่ายทหารอย่างเดียว ไม่ใช่ทหารนำการเมือง เพราะรัฐบริหารราชการในพื้นที่ และมีงบอยู่ที่กระทรวง สำหรับปัจจัยภัยแทรกซ้อนเศรษฐกิจยังสำคัญ อีกทั้งจากการหารือในพื้นที่เป็นห่วงยาเสพติดที่ทุกภาคส่วนให้ความสำคัญ ปัจจุบันยาเสพติดระบาด จึงถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีรวมทั้งบิดเบือนสร้างความเกลียดชังในสื่อสังคมออนไลน์ โดยผลกระทบเชิงลบใช้ข้อมูลบิดเบือน
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ปัจจุบันการแก้ไขปัญหาชายแดนภาคใต้มีเอกภาพ โดยมีแผนบูรณาการยุติความรุนแรง รวมทั้งป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาใหม่ เพื่ออยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข แผนงานบูรณาการเราจำเป็นต้องปัรบให้สอดคล้องกับกลุ่มก่อขบวนการความรุนแรง ทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีการหลบหนีจับกุม และมีปัญหาก่อเหตุรุนแรง คือ ไม่มีการเปิดเผยตัวตน ที่ไม่มีการยึดพื้นที่ ทำให้ปะปนกับประชาชนโดยทั่วไป แนวคิดของเขาแบ่งแยกดินแดนจากรัฐไทย เราต้องหาทางแก้ปัญหาให้เหมาะสม ท่านไม่ทราบใครเป็นองค์กรนำ แต่ตนทราบ ดังนั้นต้องให้ผู้ก่อเหตุหมดไป ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการทางทหาร มีการพูดคุยฉันมิตร เพื่อให้ข้อเรียกร้องต่างๆ ต้องหมดไป เพื่อให้สถานการณ์กลับสู่ปกติ ประชาชนอยู่ร่วมอย่างสันติสุข กรอบแนวคิดเราต้องทำขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของผู้ก่อเหตุต้องลดขีดความสามารถ รวมทั้งยุติการบ่มเพาะเยาวชน ที่นำไปสู่การจัดตั้งมวลชน ดังนั้นคงไม่ใช่เรื่องใช้กำลังทหารเพียงอย่างเดียว เพียงแต่มีหลายมาตรการมี 3 กลยุทธ์หลัก 12 กลยุทธ์ย่อย ทั้งนี้จะมีการพูดคุยสันติสุขคู่ขนานกันไปด้วย
ลั่นไม่ต้องการสูญเสีย เดือดไฟใต้ในไทยละเอียดอ่อน เอ่ยปากขอโทษ ส.ส.
ส่วนการเยียวยา กระทรวงยุติธรรมจะรับผิดชอบ โดยการเยียวยาทั้งเจ้าหน้าที่ ประชาชนผู้บริสุทธิ์ ผู้ก่อเหตุรุนแรง ส่วนกลยุทธ์ด้านความมั่นคงจะเน้นความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ในส่วนความก้าวหน้าใช้จ่ายงบประมาณ มี 2 ขา ขาหนึ่งเรื่องความมั่นคง โดยหน่วยงานความมั่นคงจะถูกบูรณาการโดย กอ.รมน. ซึ่งไม่ใช่แผนงานความมั่นคงอย่างเดียว แม้จะมีการสูญเสีย ตนไม่อยากให้เกิดความสูญเสียแม้แต่คนเดียว
"ขอร้องภาคเอกชนช่วยลงทุนในพื้นที่ มีการลงทุนบริษุทต่างประเทศและในประเทศที่เกี่ยวกับการเกษตร เรื่องยางพารา มันต้องเชื่อมโยงทั้งหมด ไม่ใช่ภาคใต้ แต่ต้องเชื่อมโยงไปสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษ"
ในช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงด้วยน้ำเสียงดุเดือด ว่า การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ละเอียดอ่อนซับซ้อนไม่เหมือนประเทศอื่นจริงๆ ในประเทศอื่นยึดพื้นที่ทั้งหมด เพราะประเทศไทยเข้าได้ทุกตารางนิ้ว แต่เสี่ยงนิดนึงถ้าไม่มีทหาร ดังนั้น อย่าทำให้คนสองส่วนมีปัญหาซึ่งกันและกัน และมีปัญหาการขับเคลื่อนของรัฐบาล
"ผมไม่เอาชีวิตคนทุกคนมาเพื่อของผม ชีวิตใครใครก็รัก ผมจะรักษา ให้มันสู้ทำไมเพื่อซื้ออาวุธ ถ้าคิดอย่างนี้ไม่เหมาะจะพูดในนี้ ผมเป็นทหารมาเก่า ลูกน้องทุกคนชีวิตเขา ไม่มีทหารใครจะไปรบนี่แหละภาคใต้เป็นอย่างนี้"
พล.อ.ประยุทธ์ ยังขอโทษ ส.ส.ที่พูดด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง และขอตัวไปทานน้ำก่อนที่ข้างนอกห้องประชุมสภาฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง