ในแถลงการณ์ซึ่งออกในวันนี้ (5 มี.ค.) รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือระบุว่า การซ้อมรบและวาทศิลป์ของพันธมิตรตะวันตก จะผลักให้การเผชิญหน้ากันยกไปสู่ "ระดับที่อันตรายอย่างร้ายแรง"
ทั้งนี้ คิมระบุว่า สหประชาชาติและประชาคมระหว่างประเทศ "จะต้องขอร้องสหรัฐฯ และเกาหลีใต้อย่างหนักแน่น เพื่อหยุดการกระทำอันยั่วยุ และการซ้อมรบทางการทหารร่วมกันโดยทันที"
แถลงการณ์ของเกาหลีเหนือมีออกมา หลังจากทางการเกาหลีใต้และสหรัฐฯ ประกาศเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (3 มี.ค.) ในการซ้อมรบร่วมทางการทหารขนาดใหญ่เป็นเวลา 10 วัน รวมถึงการซ้อมลงจอดแบบสะเทิ้นน้ำสะเทิ้นบกระหว่างวันที่ 13 ถึง 23 มี.ค.นี้
พันธมิตรสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ระบุว่า การซ้อมรบร่วมกันในครั้งนี้เป็นการซ้อมรบเพื่อการป้องกัน และมีความจำเป็นเพื่อนการตอบโต้กับภัยคุกคามที่พุ่งสูงขึ้น จากขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ และโครงการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ ซึ่งได้รับมติการแบนจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติแล้ว
อย่างไรก็ดี ทางการเกาหลีเหนือระบุว่า การซ้อมรบร่วมของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ในครั้งนี้ เป็นการฝึกซ้อมเพื่อเตรียมการรุกรานเกาหลีเหนือ โดยในวันเสาร์ที่ผ่านมา (4 มี.ค.) ทางการเกาหลีเหนือกล่าวหาสหรัฐฯ ว่าเป็นต้นเหตุของการพังทลายลงของระบบการควบคุมอาวุธระหว่างประเทศ และระบุว่าการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ จะเป็นหนทางที่ “แน่นอนที่สุด” ในการถ่วงดุลอำนาจระดับภูมิภาค
นอกจากนี้ เกาหลีใต้และสหรัฐฯ ยังได้ทำการซ้อมรบทางอากาศร่วมกันกับเครื่องบินทิ้งระเบิดพิสัยไกลของสหรัฐฯ และเครื่องบินรบของเกาหลีใต้เมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นการฝึกร่วมกันครั้งล่าสุดในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา
“การกระทำที่ขาดความรับผิดชอบ” ของพันธมิตร มีแต่จะทำให้สถานการณ์ในภูมิภาค “เข้าสู่ช่วงวิกฤตและควบคุมไม่ได้” คิมกล่าวเตือนในแถลงการณ์ พร้อมระบุเสริมว่า เป็นเรื่องน่าเสียใจที่สหประชาชาตินิ่งเฉยต่อการฝึกซ้อมซึ่งมี “ลักษณะก้าวร้าวอย่างชัดเจน”
เมื่อเดือนที่แล้ว คิมออกแถลงการณ์ว่า อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ “ไม่ยุติธรรมและขาดสมดุลอย่างยิ่ง” ในประเด็นการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ
ที่มา: