ไม่พบผลการค้นหา
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนภัย 9 จังหวัด เป็นพื้นที่เสี่ยงน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ช่วง 10-11 ส.ค.นี้

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาพอากาศ และปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ พบว่า ในช่วง 1-2 วัน ที่ผ่านมา บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้มีฝนตกหนักต่อเนื่อง รวมถึงประกาศกรมทรัพยากรธรณี ระบุว่า เนื่องจากฝนตกหนักทำให้ระดับน้ำในลำคลองเพิ่มสูงขึ้น และเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงขุ่น มีน้ำหลากและดินไหลในบางพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม ในช่วงวันที่ 10 – 11 ส.ค. กอปภ.ก จึงได้ประสานจังหวัดและศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตและจังหวัดในพื้นที่ต้องติดตามสถานการณ์น้ำป่าไหลหลากและดินถล่ม 9จังหวัด 

ประกอบด้วย จ.แม่ฮ่องสอน บริเวณอ.เมืองแม่ฮ่องสอน อ.ปางมะผ้า อ.ขุนยวม อ.แม่สะเรียง อ.แม่ลาน้อย และอ.สบเมย จ.น่าน บริเวณอ.บ่อเกลือ อ.เฉลิมพระเกียรติ อ.เวียงสา อ.เชียงกลาง อ.ท่าวังผา อ.นาน้อย อ.นาหมื่น อ.ปัว อ.ทุ่งช้าง อ.สันติสุข อ.แม่จริม และอ.สองแคว จ.ตาก บริเวณอ.ท่าสองยาง อ.แม่ระมาด อ.แม่สอด อ.พบพระ และอ.อุ้มผาง จ.กาญจนบุรี บริเวณอ.ทองผาภูมิ อ.สังขละบุรี อ.ไทรโยค และอ.บ่อพลอย จ.จันทบุรี บริเวณอ.เขาคิชฌกูฏ และอ.ขลุง จ.ตราด อ.เขาสมิง อ.บ่อไร่ และอ.เกาะช้าง จ.ชุมพร บริเวณอ.เมืองชุมพร อ.ละแม อ.พะโต๊ะ อ.หลังสวน อ.ทุ่งตะโก และอ.ท่าแซะ จ.ระนอง บริเวณอ.เมืองระนอง อ.กระบุรี อ.ละอุ่น และอ.กะเปอร์ และจ.พังงา บริเวณอ.เมืองพังงา อ.กะปง อ.ตะกั่วป่า อ.ตะกั่วทุ่ง อ.ท้ายเหมือง และอ.คุระบุรี

ทั้งนี้ ให้ดำเนินการตามมาตรการและแนวทางการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยด้วยการจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ควบคู่กับการจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์ เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามพยากรณ์อากาศและปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป