ไม่พบผลการค้นหา
มท.1 นำประชุมขับเคลื่อนนโยบาย และผลงานตลอดสองเดือนที่ผ่านมา เร่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องฟังเสียงประชาชนหลังนำร่อง 4 จังหวัดท่องเที่ยว อนุญาตให้เปิดสถานบริการถึงตี 4 ชี้ ต้องเร่งแก้กฎหมายหวังทันช่วงไฮซีซั่น

วันที่ 6 พ.ย. ที่กระทรวงมหาดไทย อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการชุมขับเคลื่อนและติดตามนโยบายของรัฐบาล และภารกิจสำคัญของกระทรวงมหาดไทย โดยมี เกรียง กัลป์ตินันท์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย สุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย พร้อมผู้บริหารและผู้ว่าราชการจังหวัดต่างๆ เข้าร่วมประชุม

อนุทิน กล่าวช่วงหนึ่งว่า ผมคิดว่าทุกคนสุขสบายดีหลังจากได้พบกันเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งเป็นทำงานร่วมกันเข้าสู่เดือนที่สอง ขอบคุณผู้บริหารทุกคนที่ร่วมมือในการทำงาน ตอบสนองนโยบายของรัฐบาลและของ รมว.มหาดไทย มีนโยบายเร่งด่วนที่ได้รับบัญชาโดยตรงจากนายกฯ ท่านให้ความไว้วางใจเจ้าหน้าที่กระทรวงมหาดไทยทุกคน

อีกทั้ง นายกฯ เดินทางไปจังหวัดต่างๆ ได้พูดคุยกับผู้ว่าราชการจังหวัด แต่ตอนนี้จะพยายามไปพบกับผู้ว่าฯจังหวัดท่องเที่ยว ท่านได้ชื่นชมการทำงานทั้งผู้ว่าฯเชียงใหม่และชลบุรีในการปฎิบัติหน้าที่ และฝากให้กำลังใจกับผู้ว่าฯภูเก็ตที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ ขอให้ท่านมีกำลังใจในการทำงาน เราจะมาเปลี่ยนม้ากลางศึกไม่ได้ เป็นเรื่องลำบาก 

หลังจบการประชุม อนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ถึงคำสั่งการของ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เรื่องแผนบูรณาการการท่องเที่ยวจาก เปิดสถานบริการถึงตี 4 นำร่อง 4 จังหวัดท่องเที่ยว เริ่ม 15 ธ.ค. นี้ ว่า นายกรัฐมนตรีต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ และดึงดูดนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น ให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาว่าควรจะเปิดในรูปแบบใด ไม่ใช่ทั้งประเทศแต่ขอเน้นในจังหวัดที่มีการท่องเที่ยวสูง อาทิ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี ซึ่งแต่ละจังหวัดจะต้องทำประชาพิจารณ์ เป็นขั้นตอนที่ต้องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า ตอนนี้มีกฎหมายควบคุมการขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเวลาเปิดปิดสถานบริการ จะต้องแก้กฎหมายอะไรบ้าง อนุทิน เผยว่า ต้องดูว่ามีกฎหมายไหนขัดแย้งกันเองหรือไม่ เช่น พรบ.สุรา ให้ขายไม่เกินเที่ยงคืน ถ้าไม่ใช่สถานบริการประเภทหนึ่งก็ไม่สามารถขายได้ และหากไม่มีการเล่นดนตรี ก็จะเป็นร้านอาหารสามารถเปิดได้ 24 ชั่วโมงซึ่งกระแสข่าวก่อนหน้านี้ทำให้เกิดความเข้าใจผิด

ส่วนการแก้กฎหมายจะต้องหารือกับทางกระทรวงมหาดไทยว่าสามารถแก้ไขได้อย่างไร แค่ขยายเวลาเปิด 2 ชั่วโมงถึงขั้นทำประชาพิจารณ์ และมานำเข้า ครม. ผ่านกฤษฎีกาประกาศเป็นราชกิจจานุเบกษา ต้องถึงขนาดนั้นหรือไม่ ในเมื่อมหาดไทยมีผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด ให้เป็นดุลพินิจของผู้ว่าฯ ร่วมกับตำรวจได้หรือไม่ หรือจะให้เป็นการประกาศรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย หรือต้องใช้อำนาจของนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าให้ออกเป็น พรก. หรือเข้า ครม. อาจจะพ้นช่วงไฮซีซั่นไปแล้ว จึงต้องเร่งเข้าในที่ประชุม ครม.

เมื่อถามว่า มีความกังวลอะไรบ้างนั้น อนุทิน ย้ำว่า มีทั้งเรื่องดีและไม่ดี มีทั้งคนเชียร์และคนไม่เชียร์ ซึ่งเราจะต้องรับฟังประชาชน แต่โซนท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก เราสามารถพิจารณาได้เพราะจังหวัดเหล่านั้นจะมีสถานบริการประเภทหนึ่งที่มีใบอนุญาตอยู่แล้ว คงไม่มีปัญหาอะไร

นอกจากนี้ อนุทิน ยังเผยถึงผลการประชุมในวันนี้ว่า เป็นการสรุปสิ่งที่ทำงานในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา รวมทั้งมีข้อสั่งการให้เป็นแนวทางปฏิบัติของเดือนต่อไป ส่วนนโยบายเร่งด่วนคือเรื่องการจัดระเบียบสังคม ตนได้หารือกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายปกครองกระทรวงมหาดไทย และตำรวจ รวมทั้งการปกครองงท้องถิ่น ที่ต้องทำงานร่วมกันให้สังคมมีความเรียบร้อย ไม่ได้เข้ามาทำให้เกิดความขัดแย้งหรือแย่งชิงผลงานกัน จริงๆ ไม่มีอยู่แล้วแต่บางทีจังหวะที่เข้าไปการสื่อสารอาจจะคลาดเคลื่อน จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์เหล่านี้อีก