นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงแรงงาน ผู้ก่อตั้งว่าที่พรรคเสมอภาค เปิดเผยว่า การเกิดภาวะวิกฤติไวรัสโควิด-19 ทำให้ทุกประเทศทั่วโลกต้องหันมาสำรวจทรัพยากรที่เป็นจุดแข็งภายในประเทศของตน เพื่อนำมาเป็นเครื่องมือพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน สามารถแข่งขันกับนานาประเทศเพื่อให้อยู่รอดได้หลังผ่านวิกฤตแล้ว
คณะทำงานฝ่ายนโยบายว่าที่พรรคเสมอภาคได้กำหนดนโยบายนำ “สมุนไพรไทย”ทรัพยากรธรรมชาติที่มีคุณค่ามาเป็นจุดแข็งของประเทศไทยเพื่อผลิตยา ผลิตภัณท์ดูแลสุขภาพ และเวชสำอางค์ ฯลฯ โดยจะจัดตั้ง “กระทรวงการแพทย์แผนไทย” แยกกรมแพทย์แผนไทยออกมาจากกระทรวงสาธารณสุข กำหนดหน่วยงานระดับกรมรองรับภารกิจสำคัญ เพื่อยกระดับสมุนไพรภูมิปัญญาไทยที่มีอยู่คู่แผ่นดินไทยมายาวนาน ถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรคสารพัดโรคมาหลายยุคหลายสมัย มารุ่งเรืองที่สุดในรัชกาลที่ 5 สมัยรัตนโกสินทร์ ดังปรากฏมีบันทึกตำรายาสมุนไพรไทยที่ใช้รักษาโรคระบาดคล้ายๆ ไวรัสโควิด-19อย่างได้ผล ไว้ที่วัดโพธิ์เพื่อการศึกษาและเพื่อการสืบทอดเป็นมรดกไทยอันล้ำค่า รวมทั้งมีโครงการในพระราชดำริส่งเสริมสมุนไพรไทยในรัชกาลที่9 ต่อเนื่องมาถึงรัชกาลที่10 หลายโครงการ
นางลดาวัลลิ์ กล่าวว่า จากการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับยาสมุนไพรไทย และผลิตภัณท์สมุนไพรไทย จากสภาแพทย์แผนไทยแห่งชาติ สภาครูแพทย์แผนไทย สภาแพทย์แผนไทยประยุกต์ ชมรมแพทย์พื้นบ้าน และสมาคมผู้ประกอบการแพทย์แผนไทย ทำให้มั่นใจว่าแนวคิดจัดตั้งกระทรวงการแพทย์แผนไทยของสภาครูแพทย์แผนไทยและองค์กรที่เกี่ยวข้องกับแพทย์แผนไทยดังกล่าว มีความเป็นไปได้ และจะเป็นกระทรวงด้านเศรษฐกิจ ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับประชาชนในระดับหมู่บ้านตำบล ทั่วประเทศที่จะเป็นผู้ปลูก ผลิต แปรรูป และจำหน่าย ทั้งรายย่อยและรายใหญ่ และจะสามารถยกระดับยาสมุนไพรไทยให้เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ กระทรวงการแพทย์แผนไทยต้องบริหารจัดการโดยอิสระแยกจากการแพทย์แผนปัจจุบันที่ใช้วิทยาศาสตร์ทางตะวันตกเป็นหลัก แต่จะเชื่อมประสานงานในส่วนที่จำเป็นบางเรื่อง
พร้อมกันนี้จะตั้ง “สำนักงานอาหารและยาสมุนไพรไทย”โดยเฉพาะเพื่อให้สอดคล้องกับเวชศาสตร์แพทย์แผนไทยในการกำหนดมาตรการในการส่งเสริมยาและผลิตภัณท์ต่างๆจากสมุนไพรไทยให้ได้คุณภาพมาตรฐานและมีความคล่องตัว จะยกระดับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลให้เป็นโรงพยาบาลแพทย์แผนไทยประจำตำบลทุกตำบลทั่วประเทศ ผู้บริหารต้องมีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านการแพทย์แผนไทย บรรจุ แพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ และอสม.เป็นข้าราชการสังกัดกระทรวงการแพทย์แผนไทย และประกาศแจ้งลิขสิทธิ์โดยอ้อมให้ทั่วโลกรู้ถึงคำว่า สมุนไพรไทยเป็นของประเทศไทย หรือ ยกระดับเป็นเภสัชสมุนไพรไทยเพื่อป้องกันมิให้ชาวต่างชาติฉวยโอกาส เอาทรัพยากรสมุนไพรไทย ไปเป็นของต่างชาติ
“ถึงเวลายกระดับภูมิปัญญาไทย ถึงเวลาปลดโซ่ตรวนยาและผลิตภัณท์สมุนไพรไทย ที่ไม่ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนอย่างเต็มที่มายาวนาน ทำให้ไทยเสียโอกาสทางด้านเศรษฐกิจและด้านสังคมไปอย่างน่าเสียดาย ทุกวันนี้การส่งออกยาและผลิตภัณท์สมุนไพรไทยมีมูลค่าปีละประมาณ 333,000 ล้านบาท ทั้งๆที่สามารถสนับสนุนให้ส่งออกได้เพิ่มปีละ 1,000,000 ล้านบาท
"วันนี้คนไทยทุกคนต้องหันกลับมามองคุณประโยชน์ที่มีคุณค่ามหาศาลของภูมิปัญญาไทย แล้วร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจกันทุกภาคส่วนผลักดันให้ ยาสมุนไพรไทย และผลิตภัณท์สมุนไพรไทยทุกชนิดให้ก้าวล้ำนำหน้า ไปทำหน้าที่รักษาสุขภาพของคนไทยให้สมบูรณ์แข็งแรง ช่วยลดรายจ่ายการนำเข้ายาจากต่างประเทศ และส่งเสริมการส่งออกยาและผลิตภัณท์สมุนไพรไทยไปรักษาสุขภาพของชาวโลกนำเงินตรากลับเข้ามาพัฒนาประเทศ เป็นการพึ่งพาตนเองอย่างมั่นคงยั่งยืน ว่าที่พรรคเสมอภาคพร้อมผลักดันให้เกิดกระทรวงการแพทย์แผนไทย และพร้อมผลักดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางสุขภาพที่ดี และเป็น คลังยาโลก กระทรวงการแพทย์แผนไทยจะกลายเป็นกระทรวงทำรายได้ให้ประชาชนชาวไทยและสร้างเศรษฐกิจไทยให้เข้มแข็งอย่างเป็นรูปธรรม" นางลดาวัลลิ์ กล่าว