ไม่พบผลการค้นหา
เหตุการณ์จลาจลในฝรั่งเศสได้มีแนวโน้มที่จะสงบลงแล้ว หลังจากการประท้วงรุนแรงนาน 6 วันเพื่อตอบโต้เหตุยิงชายวัยรุ่นอย่าง นาเฮล เอม ระหว่างการหยุดรถของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 ก.ค.) มีรายงานว่าความรุนแรงจากการชุมนุมได้สงบลง และการจับกุมตัวผู้ชุมนุมเกิดขึ้นน้อยลงเช่นกัน อย่างไรก็ดี เอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ขอให้กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสยังคงรักษากำลังตำรวจ "จำนวนมาก" ไว้ตามท้องถนน เพื่อดูแลสถานการณ์ต่อ

ในอีกด้านหนึ่งเมื่อวันจันทร์ (3 ก.ค.) นายกเทศมนตรีหลายคนของฝรั่งเศสเรียกร้องให้มีการจัดการชุมนุมนอกศาลากลาง เพื่อประท้วงต่อการใช้ความรุนแรงและการปล้นสะดม จากมวลชนที่เข้าร่วมการประท้วง หลังจากเหตุการตายของนาเฮล ชายวัย 17 ปี ที่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจยิงเสียชีวิต เนื่องจากเขาไม่ยอมหยุดรถตามคำสั่งเจ้าหน้าที่

ในพื้นที่นองแตร์ บ้านเกิดของนาเฮล ปาทริค จาร์รี นายกเทศมนตรี กล่าวว่าเขารู้สึกยินดีที่ความรุนแรงลดลง แต่ระบุเสริมว่า "เราไม่ควรละสายตาจากเหตุการณ์ที่จุดประกายสถานการณ์นี้ และความต้องการถึงความยุติธรรมอย่างต่อเนื่อง" โดยการสังหารนาเฮลในครั้งนี้ ถูกตั้งข้อสังเกตว่าเกิดขึ้นจากการกดทับชุมชนชาวฝรั่งเศสเชื้อสายแอฟริกาเหนือ ที่อพยพเข้ามายังประเทศ แต่กลับไม่ได้รับการปฏิบัติที่เป็นธรรมจากรัฐฝรั่งเศส

ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ประชาชนหลายร้อยคนเข้าร่วมการชุมนุมในเมืองเลเลส์โรส เพื่อสนับสนุน วินเซนต์ ฌองบรุน นายกเทศมนตรี ที่บ้านของเขาถูกโจมตีโดยกลุ่มผู้ก่อการจลาจล ด้วยการยิงจรวดใส่ภรรยาและลูก ก่อนที่ทางครอบครัวของนายกเทศมนตรีจะต้องหลบหนีออกจากบ้านของตัวเอง โดยเหตุจลาจลดังกล่าวส่งผลให้ขาของเธอหัก และส่งผลให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นเด็กอีกหนึ่งราย ทั้งนี้ มีการตั้งการสืบสวนสอบสวนว่าเหตุการณ์จลาจลนี้ เข้าข่ายการพยายามฆ่าโดยผู้ก่อจลาจล

ฌองบรุนได้ออกมากล่าวหลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวว่า "เราเห็นใบหน้าที่แท้จริงของผู้ก่อการจลาจล พวกเขาเป็นฆาตกร... พวกเขาต้องการฆ่าภรรยาและลูกเล็ก 2 คนของผมขณะนอนหลับ ด้วยการเผาทั้งเป็น" ฌองบรุนยังกล่าวด้วยว่า เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว "ประชาธิปไตยเองถูกโจมตี... เราต้องการคนส่วนใหญ่ที่เก็บตัวเงียบจนถึงตอนนี้ เพื่อออกมาพูดว่า พอได้แล้ว!"

มีรายงานจากเครือข่ายการขนส่งอิลเดอฟรองซ์ที่ระบุว่า การก่อจลาจลเป็นเวลา 6 วันที่ผ่านมา ได้สร้างความเสียหายให้กับการขนส่งสาธารณะในภูมิภาคปารีสเป็นมูลค่าหลายล้านยูโร

แม้ว่าเหตุการณ์จลาจลในคืนวันอาทิตย์จะสงบลงมากแล้วก็ตาม แต่ทางการฝรั่งเศสยังคงระมัดระวังในการกลับคืนสู่ภาวะปกติในวันจันทร์ ทั้งนี้ รถบัสและรถรางในภูมิภาคปารีสจะหยุดให้บริการอีกครั้งตั้งแต่เช้าตรู่ในคืนวันจันทร์ ในขณะที่ประธานาธิบดีฝรั่งเศสขอให้กระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศสคงกำลังตำรวจ "จำนวนมาก" ทั่วฝรั่งเศส เพื่อรับประกันว่าประเทศจะ "กลับคืนสู่ความสงบ"

เจอรัลด์ ดาร์มานัง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยฝรั่งเศส ยืนยันว่ามีเจ้าหน้าที่ราว 45,000 นาย ที่กระจายกำลังอยู่ทั่วประเทศในช่วง 3 คืนที่ผ่านมา และจะออกมาประจำการตามท้องถนนอีกครั้งในวันจันทร์ ทั้งนี้ มีผู้ถูกจับกุมมากกว่า 150 คนในคืนวันอาทิตย์ เทียบกับกว่า 700 คนในคืนก่อนหน้า นอกจากนี้ ยังมีรถยนต์ 297 คันถูกจุดไฟ เทียบกับ 1,900 คันในวันพฤหัสบดี (29 มิ.ย.) ขณะที่อาคาร 34 หลังได้รับความเสียหายหรือถูกไฟไหม้ เมื่อเทียบกับมากกว่า 500 หลังในวันพฤหัสบดี

เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ครอบครัวของนาเฮล วัยรุ่นที่ถูกตำรวจสังหาร ได้เรียกร้องให้มวลชนยุติการใช้ความรุนแรง โดยย่าของนาเฮลกล่าวหาว่า ผู้ก่อการจลาจลใช้การตายของนาเฮลเป็นข้ออ้าง และเรียกร้องให้พวกเขาหยุดทำลายสิ่งของสาธารณะ

ในอีกทางหนึ่ง ญาติอีกคนหนึ่งของนาเฮลระบุกับ BBC ว่า ครอบครัวไม่ต้องการให้การตายของนาเฮลก่อให้เกิดการจลาจล แต่ยืนยันว่ากฎหมายต้องมีการเปลี่ยนแปลง นอกจากนี้ เธอยังกล่าวอีกว่า "หัวใจของเธอเจ็บปวด" เมื่อทราบถึงเพจ GoFundMe ที่เปิดระดมเงินบริจาคให้แก่ครอบครัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ยิงนาเฮล ซึ่งปัจจุบันถูกดำเนินคดี โดย ณ วันจันทร์ เพจดังกล่าวได้ระดมทุนได้มากกว่า 1.1 ล้านยูโร (ประมาณ 42 ล้านบาท) และยอดบริจาคได้มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การระดมทุนซึ่งตั้งขึ้นโดยนักวิจารณ์ข่าวจากสื่อขวาจัด ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักการเมืองหลายคน แต่เครือข่ายการระดมทุนดังกล่าวระบุกับ เลอปารีเซียง หนังสือพิมพ์ฝรั่งเศส ว่า ข้อกำหนดและเงื่อนไขของ GoFundMe จะไม่มีการยุติลง เพราะเงินถูกกำหนดไว้สำหรับมอบให้แก่ครอบครัวของเจ้าหน้าที่ที่ยิงนาเฮล และ "ไม่ได้มีไว้เพื่อใช้ต่อสู้ในทางกฎหมายของอาชญากรรมรุนแรงที่มีการตั้งข้อกล่าวหาไว้"

ในอีกทางหนึ่ง การระดมทุนสำหรับครอบครัวของนาเฮล ถูกจัดตั้งขึ้นบนอีกแพลตฟอร์มหนึ่ง และมีการระดมทุนเป็นเงินจำนวน 215,000 ยูโร (ประมาณ 8.2 ล้านบาท) เมื่อช่วงบ่ายวันจันทร์ที่ผ่านมา

ในขณะเดียวกัน หน่วยงานระดับภูมิภาคของฝรั่งเศสกำลังเริ่มประกาศมาตรการสนับสนุนทางการเงิน สำหรับธุรกิจและสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกปล้น โดยเงินช่วยเหลือจะมีการมอบให้กับเจ้าของธุรกิจในมาร์แซย์ และเงินจากการระดมทุนในภูมิภาคปารีส จะถูกส่งไปช่วยฟื้นฟูอาคารสาธารณะที่ได้รับความเสียหายและถูกปล้นไปจากการก่อจลาจล

อย่างไรก็ดี ยังคงมีข้อกังวลว่าความรุนแรงที่แผ่ขยายออกไป อาจส่งผลกระทบระยะยาวต่ออุตสาหกรรมภาคการท่องเที่ยว เมื่อฝรั่งเศสเริ่มเข้าสู่ฤดูร้อน ทั้งนี้ เลอ ปวงต์ สื่อฝรั่งเศส รายงานอ้างคำกล่าวของเจ้าหน้าที่การท่องเที่ยวที่ประเมินว่า 25% ของการจองโรงแรมในกรุงปารีสถูกยกเลิกไปแล้ว

เครือข่ายการขนส่งระดับภูมิภาคอิลเดอฟรองซ์ ระบุกับสำนักข่าวเอเอฟพีว่า ความเสียหายกว่า 20 ล้านยูโร (ประมาณ 769 ล้านบาท) เกิดขึ้นกับการขนส่งสาธารณะ รวมถึง "รถบัสที่ถูกไฟไหม้ ทางเชื่อมที่ถูกเผา ไฟทางเชื่อมที่เสียหาย 2 แห่ง และโครงสร้างพื้นฐานของเมืองที่ถูกทุบทำลาย"

ฟรองซัวส์ เรียล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารวอยาเจอร์ส ดู มอง กล่าวว่าการจลาจลก่อให้เกิด "ความเสี่ยงอย่างแท้จริง" ต่อภาพลักษณ์ของฝรั่งเศส "นี่เป็นความจริง แม้ว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะสงบลง เนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากกลัวต่อความเสี่ยง" 

ทั้งนี้ ในวันอังคาร (4 ก.ค.) ประธานาธิบดีมาครงจะพบกับนายกเทศมนตรีของเขตเทศบาล 220 แห่งที่ได้รับผลกระทบจากความรุนแรงจากการก่อจลาจลในครั้งนี้


ที่มา:

https://www.bbc.com/news/world-europe-66084677?fbclid=IwAR2rY9IJ2jnrUvtResaKI20U4yDBjnPzEhmKj0U82rMrcSvJo6VX5F7U94k