กิจกรรมเดินทะลุฟ้าผ่านมาถึงวันนี้เป็นวันที่ 11 แล้ว ซึ่งแคมเปญนี้จัดขึ้นโดยกลุ่มราษฎรอีสาน และ People Go Network พร้อมด้วยกลุ่มแนวร่วมอื่นๆ โดยจุดมุ่งหมายของกิจกรรมครั้งนี้ดำเนินไปภายใต้ 3 ข้อเรียกร้องขอกลุ่มราษฎร พร้อมพ่วงด้วยข้อเรียกร้องใหม่คือการคืนสิทธิประกันตัวให้กับผู้ถูกกล่าวหาคดี 112 ที่ถูกขังระหว่างพิจารณาคดีทั้ง 4 คน โดยเป็นเดินรณรงค์เรื่องดังกล่าวจากจังหวัดนครราชสีมา สู่กรุงเทพมหานคร รวมระยะเส้นทางทั้งหมด 247.5 กิโลเมตร
โดยจุดเริ่มของการเดินวันนี้ เริ่มต้นที่ปั้ม ปตท. ทับกวาง จ.สระบุรี มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาลค่ายอดิสร ทว่าก่อนหน้าที่ขบวนจะออกเดินก็ปรากฎข่าวว่า ศาลอุทธรณ์พิจารณาให้สิทธิประกันตัว 8 แกนนำ กปปส. ซึ่งถูกขังระหว่างรอการพิจารณาปล่อยตัวชั่วคราว ในขณะที่การยื่นขอประกันตัวระหว่างพิจารณาคดีของ 4 นักกิจกรรมซึ่งยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหาในคดี 112 นั้น ถูกปฏิเสธโดยศาลไม่แล้วไม่ต่ำกว่า 3 ครั้ง
สุรีย์รัตน์ ชิวารักษ์ แม่ของเพนกวิน สะท้อนถึงกรณีที่เกิดขึ้นว่า มันคือความไม่เป็นธรรม ไม่ถูกต้อง ในขณะที่กลุ่ม 8 แกนนำ กปปส. ซึ่งถูกตัดสินว่ามีความผิด ยังได้รับสิทธิประกันตัวเพื่อสู้คดีต่อ แต่กลุ่มนักกิจกรรม 4 คน ยังไม่ถูกตัดสินว่ามีความผิดแต่อย่างใด ยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา ศาลก็ไม่ให้สิทธิประกันตัวกับพวกเขา
"เราไม่จบทางกฎหมาย แต่ด้วยสามัญสำนึกแล้ว เราคิดว่ามันไม่ใช่ มันไม่ถูกต้อง ทำไมคุณไม่ให้โอกาสเขาออกมาสู้ อย่าว่าแต่ประกันตัวเลย ส่งชีทหนังสือเรียนไปให้เพนกวิน จนถึงวันนี้เขายังไม่ได้อ่านเลย"
ด้านจตุภัทร บุญภัทรรักษา (ไผ่) ระบุว่า การที่ 8 แกนนำกลุ่ม กปปส. ได้ประกันตัวนั้นเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว เพราะหลักการคือต้องสันนิฐานไว้ก่อนว่าผู้ถูกกล่าวหาคือ 'ผู้บริสุทธิ์' จนกว่าศาลจะพิพากษาเป็นที่สิ้นสุด
“ไม่ว่าเราจะโกรธจะเกลียด ไม่ว่าเขาจะอยู่ขั้วการเมืองฝั่งตรงข้าม หรือเขาจะเป็นผู้นำพาประเทศนี้มาสู่การรัฐประหาร แต่ในหลักการเราก็ต้องยืนยันความถูกต้อง เพราะนี้คือมาตรฐานทางกฎหมาย ฉะนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นกับ กปปส. วันนี้ มันคือสิ่งที่ถูกต้อง แต่มันควรเกิดขึ้นกับกรณีอื่นๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ม. 112 , ม. 116 หรือกรณีอื่นๆ”
ด้านเฟซบุ๊กอานนท์ นำภา หนึ่งในผู้ถูกคุมขังจากคดี ม.112 ได้โพสต์ข้อความระบุว่า ความคืบหน้าวันที่ 17 (25 ก.พ.64) ทนายได้ซื้อของและอาหารให้ทั้ง 4 คน โดยฝากใน 2 ชื่อ (ดูความเคลื่อนไหวทางการเงินได้ในอัลบั้ม) เนื่องจากทั้ง 4 คน ยังคงอยู่ในแดนเดียวกันแต่แยกห้องนอน ทำให้ยังสามารถเจอกันและแบ่งปันสิ่งของกันได้ ช่วงหยุดยาวมาถึงอีกครั้ง ทนายจะได้เข้าเยี่ยมอีกทีคือวันจันทร์ที่ 1 มี.ค. 64 ในเดือนมี.ค. อานนท์จะมีนัดสืบพยานซึ่งตนเองเป็นทั้งทนายความและจำเลย จึงอาจจะได้ออกมานอกเรือนจำบ่อยครั้ง
คนคิดว่าถูกขังในเรือนจำไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร สลิ่มค่อนแคะว่าข้าวฟรี น้ำฟรี ที่นอนฟรีแต่อันที่จริงสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงวาทกรรมที่เอาไว้ลดทอนความยากลำบากของการใช้ชีวิตภายในนั้น อย่าว่าแต่บางคนจะแปลกใจเมื่อเห็นใบเสร็จ ทางครอบครัวก็รู้สึกแปลกใจที่ต้องซื้อของที่รวมกันแล้วราคามหาศาล แทบจะวันเว้นวัน ดูเหมือนค่าใช้จ่ายในเรือนจำมากมายกว่าการใช้ชีวิตอยู่ข้างนอกเสียอีก ทางครอบครัวรู้สึกขอบคุณการสนับสนุนจากทุกๆคนอีกครั้งเพราะหากไม่ได้เงินที่สมทบทุนเข้ามา คงไม่สามารถซื้อของขนาดนี้ได้บ่อยๆ
อย่างไรก็ตามหากสถานการณ์การเมืองยังคงผันผวน ทางครอบครัวคงต้องนำเงินจำนวนหนึ่งช่วยแบ่งฝากหรือช่วยสนับสนุนการซื้อของรายวันให้กับผู้ที่อาจจะถูกขังระหว่างพิจารณาเพิ่มเติมในอนาคตรวมถึงช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในบางครอบครัวที่ต้องการความช่วยเหลือ เช่นค่าเช่าบ้าน การส่งเสียพ่อแม่ โดยจะต้องประสานงานกับกลุ่มคนหรือกองทุนที่ร่วมกันช่วยเหลือคนอื่นๆอยู่ในขณะนี้เพื่อให้ความช่วยเหลือที่มีประสิทธิภาพ ไม่ซ้ำซ้อนกัน ถ้ามีคนเยอะอาจจะพิจาณาแบ่งปันกันคนละเล็กคนละน้อยเพื่อให้เงินหมดช้าที่สุด
โดยในปี 64 นี้ เฉพาะคดีที่สืบเนื่องจากการแสดงออกทางการเมือง ทำให้มีผู้ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำแล้ว จำนวน 12 คน ประกอบด้วยกลุ่มอาชีวะซึ่งถูกจับกุมและคุมขังอยู่ในเรือนจำ 3 คนจากเหตุชุมนุมสามย่านและประชาชนจำนวน 5 คน ซึ่งถูกขังระหว่างพิจารณาและศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว จากเหตุทุบรถซึ่งวิ่งออกจากเรือนจำไปสน.ประชาชื่นซึ่งเข้าเรือนจำมาเมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา และท้ายที่สุดคือ อานนท์ เพนกวิน สมยศและแบงค์ ผู้ปราศรัย ในกิจกรรม 19 ก.ย. 63 ที่ธรรมศาสตร์-สนามหลวง
อนึ่ง เฟซบุ๊กนี้ในเวลาอันใกล้อาจถูกดำเนินคดีจากการที่ยังคงมีความเคลื่อนไหวแม้เจ้าของอยู่ในเรือนจำ (เชื่อว่าคนที่เข้ามาอ่านทุกคนเป็นคนที่ติดตามการเมือง ไม่เช่นนั้นคงไม่เข้ามาอ่าน แล้วใครจะไม่ทราบว่าอานนท์ นำภาอยู่ในเรือนจำ) การไม่เลือกใช้การสื่อสารด้วยเพจเนื่องจากเฟซบุ๊กนี้มีผู้ติดตามจำนวนมากเป็นทุนเดิม การสื่อสารทางนี้มีประโยชน์และสามารถกระจายข่าวสารและความช่วยเหลือได้กว้างกว่า
หลายท่านสอบถามด้วยความท้อแท้ว่าจะช่วยอะไรพวกเขาที่ถูกคุมขังอยู่ได้อีกบ้างนอกจากการโอนเงินช่วยเหลือ ขอเรียนว่าการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่เป็นอยู่ สภาพสังคมที่เป็นอยู่ เงินเป็นปัจจัยหนึ่งในการต่อสู้และจำนวนคนที่ตื่นรู้ ออกมาต่อสู้ แสดงออก เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน หากทุกคนสามารถสื่อสารความนึกคิดของตนเอง ถกเถียงแลกเปลี่ยนกันอย่างมีเหตุผลด้วยข้อมูล สร้างความตื่นรู้ร่วมกันให้ทุกคนในสังคม สังคมย่อมเปลี่ยนแปลง ประชาชนย่อมไม่ยอมจำนนอยู่ในสภาวะเช่นนี้ตลอดไป
อ่านเพิ่มเติม