วันที่ 8 ก.ย. ที่โรงแรมรามาการ์เด้น พรรคสร้างอนาคตไทย จัดงานเปิดตัว สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ที่มาดำรงตำแหน่งประธานพรรคสร้างอนาคตไทย อย่างเป็นการ หลังจากวานนี้ (7 ก.ย.) ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคฯ มีมติแต่งตั้งฯ โดยมีผู้บริหารและแกนนำพรรคภาคต่างๆ มาร่วมแสดงความยินดี
สมคิด กล่าวครั้งแรกหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ว่า วันนี้ตนไม่ได้มาคนเดียว แต่มาพร้อมน้องคลังลูกชายคนเล็กอายุ 20 ปี ซึ่งเป็นลูกที่สวรรค์ส่งมาให้เป็นของขวัญสมัยเป็น รัฐมนตรีคลัง จึงนำมาตั้งชื่อว่าน้องคลัง โดยการที่พามาวันนี้เพื่อเป็นประจักษ์พยานจะได้รู้ได้เห็นว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีมีจริง และต้องการให้ลูกรู้ว่าการทำพรรคการเมืองไม่ใช่ของง่าย ให้เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องกลับมาช่วยน้องๆ เพราะเป็นภารกิจ ไม่ใช่เพราะตำแหน่งนายกฯ ซึ่งไม่มีความหมายเลย แต่เพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงกับประเทศไทย
สมคิด ระบุอีกว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยมีนายกฯดีบ้างอ่อนบ้าง แต่ยากที่จะสร้างการพัฒนาอย่างจริงจัง เพราะบางคนยังไม่ถึง แต่บางคนพลังถึงก็มีอะเจนด้า ฉะนั้นการที่พาลูกมาเพื่อให้ได้เห็นสิ่งที่พ่อทำ เพราะตอนที่ลูกชายคนนี้เกิดสมัยตนเป็น รมว.คลัง ตอนนั้นมีนโยบายธนาคารประชาชน ซึ่งทำร่วมกับ วราเทพ ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลธนาคารออมสิน ซึ่งตนถามธนาคารออมสินว่า มีแต่เงินฝากที่ได้จากคนจน แต่ทำไมไม่นำกลับไปช่วยคนจนบ้าง แต่กลับไปลงทุนขนาดใหญ่ซึ่งไม่ใช่จุดมุ่งหมายเพื่อประชาชน ดังนั้นจึงเกิดโครงการธนาคารประชาชนขึ้นมาช่วยคนจน
ทั้งนี้ วันนี้ตนจึงนำน้องคลังมาฝากฝัง เพื่อให้คนรุ่นใหม่รู้ว่าการเมืองไม่ใช่สิ่งเลวร้าย แต่การเมืองที่ดีก็มี ฉะนั้นอย่าหวังแค่นายกฯ ขอให้คิดใหม่
สมคิด กล่าวต่อว่า วันนี้ตนมา 2 วัตถุประสงค์ คือให้กำลังใจเพื่อที่จะเป็นที่พึ่งประชาชนเข้ามากอบกู้เศรษฐกิจ และสร้างอนาคตไว้ให้คนรุ่นหลานเพราะตอนนี้หายากจริงๆ วันนี้มาขอบคุณคนในพรรคที่เด็ดเดี่ยวกล้าประกาศเป็นพรรคทางสายกลางที่ไม่สุดขั้ว เพราะพรรคที่แบ่งสี แบ่งกลุ่มคือการทำลายความสัมพันธ์ในชาติ เพราะสิ่งสำคัญควรต้องเป็นตัวยึดโยงเพื่อสร้างความสัมพันธ์ในชาติ และที่สำคัญที่สุดที่กล้าหาญเพียงพอในการตั้งพรรคในสถานการณ์การเมืองตอนนี้ที่เละเทะจริงๆ คือ การแข่งขั้นการเมืองที่สูง คือมีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกเป็นเจ้าของ โดยคอกก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงมา ซึ่งมีมานานแต่วันนี้มันโจ่งครึ่มเกิดไป ซึ่งไม่ดีกับการเมืองที่เป็นประชาธิปไตย เพราะคนรุ่นใหม่จะหันหลังให้การเมืองจนำไม่กล้าเข้ามา ฉะนั้นความกล้าหาญนี้ไมีต้องคำนึงว่าจะได้กี่เสียง แต่ศรัทธาของประชาชนคือหัวใจ ถ้าคุณไม่มีโครงสร้างทางปัญญาไม่สะสมคนที่มีความรู้ความสามารถ เพราะพรรคการเมืองถ้าไม่มีโครงสร้างทางปัญญา มีแต่โครงสร้างอำนาจ ก็จะไปไม่รอดและพาประเทศชาติไปไม่รอดด้วย
สมคิด ยืนยันว่า การที่ตนมานี้ไม่ได้มาเพราะเป็นแคนดิเดตนายกฯ แต่มาเพื่อสร้างการขับเคลื่อนประเทศไปในทางที่ถูกต้อง
ช่วงหนึ่งกล่าวถึงสถานการณ์เศรษฐกิจ ว่า ตอนนี้สถานการณ์จีนถือเป็นพายุลูกใหญ่ เพราะสถานการณ์ภายในอยู่ช่วงต่ออายุผู้นำเขา จีนจึงไม่กล้าขยับเปลี่ยนแปลง อีกทั้งเกิดปัญหาไต้หวัน ฉะนั้นจีนจะไม่ขยับหากผู้นำจีนยังเปลี่ยนผ่านไม่เรียบร้อย ภาวะตรึงเครียดก็จะไม่หยุดจนกว่าจะมีการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่มั่นคง มันจึงจะกระทบไทยหลายด้าน อาทิ กำลังการซื้อ การท่องเที่ยว ทำให้เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัวจึงต้องใช้เวลา ประกอบกับสถานการณ์ตอนนี้ไทยหนักกว่าคิดคิด ไทยเจอมรสุมโลกในวันที่อ่อนเปลี้ยเพลียแรง
ช่วงหนึ่ง สมคิด กล่าวว่า ที่ผ่านมาตนส่งทีม 4 กุมารไปทำงาน แต่สุดท้ายก็ถูกพิษการเมือง ซึ่งเข้าใจว่าการเมืองตอนนั้นเป็นการแสวงหาอำนาจแต่ไม่ใช่แสวงหาปัญญา จึงทำให้ตนวอล์คเอาท์ และจากนั้นพอโควิดมาจีดีพีก็ติดลบ ซึ่งเห็นชัดว่าเมื่อสถานกาณ์ชะลอตัวทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้ทั้งที่ยังไม่มีปัญหาเรื่องการส่งออกหรือพลังงานในตอนนี้
พร้อมมองว่า การส่งออกที่อ่อนแรงในตอนนี้ เพราะเคลื่อนยนต์หลักของประเทศกำลังอ่อนแรง บางตัวดับไปแล้ว ฉะนั้นถ้าจะรอดต้องมีสิ่งใหม่ๆในการแข่งขันและจูงใจนักลงทุน ฉะนั้นเมื่อมองไปข้างหน้าหลายอย่างลำบาก ซ้ำร้ายดัชนีการแข่งขันตกฮวบ ซ้ำร้ายการลงทุนกลับเดินหน้าทั้งที่ควรหยุดเพราะใกล้เลือกตั้ง ซี่งนี่ตนโทษการเมืองที่ไม่สามารถพาเราไปถึงฝั่งได้ และวันนี้เรามีนายกฯคนไหนไม่รู้ ฉะนั้นเราต้องมีนายกฯจริงๆ ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ผู้นำถ้าไม่ทำอะไรเลยจะเก็บไว้ทำไม พร้อมชี้ว่าการเป็นปฏิปักษ์กันจะไม่ใช่สิ่งที่พรรคนี้ทำแต่จะทำให้ทุกคนมาร่วมกัน เพื่อทำให้ภาคประชาชนแข็งแรง พร้อมย้ำว่าตนไม่ต้องการตำแหน่งนายกฯ
ช่วงหนึ่ง สมคิด ระบุว่า "คนอย่างผมไม่มีใจบันดาลแรง แต่ผมมีแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยเหลือประเทศไทย สร้างอนาคตประเทศไทย ที่ไม่ใช่เพื่อตัวเอง" พร้อมย้ำว่า ตนไม่ต้องการแข่งหรือต่อล้อต่อเถียงใคร
สมคิด กล่าวอีกว่า นโยบายเป็นสิ่งสำคัญซึ่งไม่ควรใช้เพื่อแสวงหาอำนาจ แต่ต้องแสวงหาความรู้เพื่อนำพาประเทศไทยไปข้างหน้า แต่ทั้งหมดที่เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเป็นประชาธิปไตยที่ดีได้ เพราะการเมือง ผู้นำอาจไม่ใช่นายกฯ แต่ผู้นำต้องสร้างความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองและประเทศ ไม่เช่นนั้นเปลี่ยนกี่ครั้งก็เหมือนเดิม ฉะนั้นถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยต้องเปลี่ยนแปลงการเมือง และถ้าจะเปลี่ยนแปลงการเมืองก็ต้องเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเนื้อหารัฐธรรมนูญด้านต่างๆ
ช่วงท้าย สมคิด ระบุว่า การเมืองอย่ามัวห่วงอำนาจ หวงตำแหน่ง ฉะนั้นการสร้างพรรคการเมืองที่ดีควรมาจากคนที่มีความรู้ความสามารถ พร้อมย้ำว่าถ้ามีสมาชิก หรือ ส.ส.คนไหนออกนอกลู่นอกทาง ได้บอกกับหัวหน้าพรรคให้ไล่ออกไปเลย "การเป็นนายกฯฟ้าลิต แต่ผมพร้อมเป็นผู้นำพวกคุณ(สมาชิกพรรค) และยินดีช่วยทุกบทบาท"
สมคิด ให้สัมภาษณ์ภายหลัง เปิดตัวเป็นประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ว่า วันนี้ตนมาเพื่อให้กำลังใจและชื่นชมกับพรรคฯ ที่กล้าหาญ มุ่งมั่นที่จะมาช่วยประชาชนคนไทย ซึ่งตนก็จะใช้ความสามารถและกำลังที่มีอยู่ช่วยเหลือน้องๆ ไม่ใช่เพื่อตนเองหรือพรรค แต่เพื่อทำให้ประชาชนมีที่พึ่ง และการสร้างพรรคนั้น ไม่ใช่จะมาแข่งขัน แต่ต้องการมาแสวงหาความร่วมมือเอาความรู้ความสามารถของทุกคนทั้งภายในและนอกพรรคมาช่วยกัน พร้อมที่จะร่วมมือกันพรรคอื่นๆที่จะทำงานแก้ไขปัญหาในขณะนี้ และพยายามวางรากฐานสำหรับอนาคต เพราะเราช้ามาและถูกเพื่อนบ้านแซงแล้ว ตนไม่อยากเห็นสิ่งที่มันแย่ไปกว่านี้ พร้อมขอให้กำใจรัฐบาลทำให้ดีที่สุด จนถึงวันเลือกตั้ง แล้ววันนั้นประชาชนจะตัดสินเองว่าใครที่จะมาอยู่ในสภา
เมื่อถามว่า จะเป็นแคนดิเดตนายกฯ พรรคสร้างอนาคตไทย หรือไม่ สมคิด กล่าวว่า เป็นเรื่องกลไกกระบวนการในพรรค ถ้าพรรคพร้อมและเห็นว่าตนมีประโยชน์ช่วยได้ ก็ยินดีสนับสนุนในทุกบทบาท แต่ที่สำคัญที่สุดประชาชนต้องการหรือไม่ ถ้าประชาชนต้องการให้กลับมานำคนที่มีความสามารถและเคยช่วยประเทศชาติทำงานร่วมกันคนอื่น พรรคเขาก็พร้อมสนับสนุน ตนก็พร้อมช่วยทุกบทบาท แต่มันขึ้นอยู่ว่าเวลาเลือกตั้งมาถึงหรือยังพรรคพร้อมหรือยัง แต่ตนพร้อมทุกเมื่อ
เมื่อถามว่า กรณีที่พูดเปรียบเทียบประเด็นการเมือง "คอกม้า ต้องหาเงินซื้อม้าแข่งและหาเงินเข้าคอก" ในส่วนพรรคสร้างอนาคตไทย จะไม่ซื้อม้าแข่งเข้าพรรคใช่หรือไม่ สมคิด กล่าวว่า วันนี้จะไม่มีการพูดเรื่องนี้ต่อไป แต่จะพูดเรื่องอนาคต เมื่อสักครูเป็นการพูดบนเวที ฉะนั้นตนจะไม่มาขัดแย่งกับใคร พูดสิ่งที่เป็นจริงและไม่อยากจะเห็น แต่จะทำสิ่งที่ดีและถูกต้องให้เมืองไทย เพื่อเป็นตัวอย่างให้คนรุ่นหลังรู้ว่าการเมืองไทยที่ดีทำได้ ไม่ใช้เงินก็ทำได้ ตนอยากทำให้เป็นตัวอย่าง
เมื่อถามย้ำถึงว่า พร้อมแข่งขันและทำงานกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หรือไม่ สมคิด ปฏิเสธตอบคำถาม พร้อมยกมือไม่ตอบ ก่อนเดินออกจากงานไป