นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า ตามที่ผู้ว่าฯ กทม.ออกมาตั้งโต๊ะแถลงข่าวปฏิเสธการลาออกของ 2 รองผู้ว่าฯ กทม. ว่าไม่ใช่ปัญหาของการถูกให้เซ็นยอมรับการประมูลโรงไฟฟ้าขยะ 2 โรงที่หนองแขมและที่อ่อนนุช โดยอ้างว่าเป็นปัญหาด้านสุขภาพของรองผู้ว่าฯ ทั้งสองมากกว่านั้น กรณีดังกล่าวชี้ให้เห็นว่าผู้ว่ากทม.กำลังปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ แสร้งไขสือให้ข้อมูลที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะอาจคิดว่าชาว กทม.ชอบกินแกลบกินหญ้าหรืออย่างไร
เพราะรองผู้ว่าฯ ดังกล่าวกับสมาคมฯ รู้จักกันดี เพราะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด และรู้ว่าทุกท่านแข็งแรงดีไม่เคยมีปัญหาสุขภาพแต่อย่างใด หากแต่ว่าในขณะนี้ผู้อยู่ในช่วงที่จะต้องรีบลงนามว่าจ้างเอกชนที่ชนะการประมูลก่อสร้างและบริหารจัดการโรงไฟฟ้ามากกว่า แต่ทว่าเป็นปัญหาที่สมาคมฯ ได้เคยร้องเรียนจับข้อพิรุธการประมูลโรงไฟฟ้าขยะมูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาท ต่อ สตง. และ ป.ป.ช. อยู่ในขณะนี้ จึงไม่ง่ายนักที่ใครจะกล้าลงนาม อันเป็นปัญหาหลักที่กลายเป็นเผือกร้อนที่อดีต 2 รองผู้ว่าฯ ไม่กล้าลงนามก็เป็นได้ เพราะจนด้วยเหตุผลและอาจเข้าไปนอนในคุกยามแก่ก็เป็นได้ ถ้าผู้ว่า กทม.แน่จริงทำไมไม่ลงนามเสียเอง ถ้าโครงการนี้โปร่งใส-ตรวจสอบได้จริงตามคำพูด
สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ขอเรียกร้องให้องค์กรอิสระต่างๆ ทั้ง สตง.และ ป.ป.ช. รวมทั้งสังคมไทยให้ช่วยกันตรวจสอบโครงการโรงไฟฟ้าเผาขยะทั้ง 2 โรงของ กทม. ที่มีข้อพิรุธมาตั้งแต่ต้น รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าขยะของ อปท.ทั่วประเทศ ที่มีข้อพิรุธมาตั้งแต่ระดับนโยบายของรัฐบาล คสช. มาจนถึงกระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุขคอยรับลูก ด้วยการออกกฎหมายมารองรับซึ่งขาดการมีส่วนร่วมของประชาชนทั่วประเทศตามที่รัฐธรรมนูญบัญญัติ ขัดต่อความต้องการของประชาชนในเชิงพื้นที่
อีกทั้งยังพบว่า มีลูกชายของผู้มีอำนาจที่เป็น “มือที่มองไม่เห็น” ทำตัวเป็นนอมินี ที่มีบริษัทโรงไฟฟ้าจากจีนอยู่เบื้องหลัง คอยวิ่งประสานและบีบให้ อปท.ต้องเลือกบริษัทดังกล่าวให้เป็นผู้ชนะประมูลก่อสร้างโรงไฟฟ้าขยะให้ได้นั่นเอง ซึ่งเรื่องนี้ต้องเป็นมหากาพย์แน่นอน เพราะสมาคมฯ จะคอยกัดติดปัญหาการคอรัปชั่นในเชิงนโยบายต่อไป และพร้อมที่จะนำความขึ้นฟ้องต่อศาลเพื่อยับยั้งกระบวนการใช้อำนาจที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายต่อไป
อ่านเพิ่มเติม