ไม่พบผลการค้นหา
"เศรษฐา" ประเดิมงานแรก หลังรับตำแหน่งสำคัญในเพื่อไทย เข้าหารือ "หอการค้าไทย-จีน" โชว์วิชั่น ผู้นำยุคใหม่ "ต้องหัวการค้า"

วันที่ 3 มี.ค. ที่หอการค้าไทย-จีน เมื่อเวลา 10.30 น. เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย และคณะ อาทิ พวงเพ็ชร ชุนละเอียด รองประธานยุทธศาสตร์พรรค วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธสาภาค กทม. ดนุพร ปุณณกันต์ จักรพงษ์ แสงมณี และ เผ่าภูมิ โรจนสกุล เข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดการบริหารประเทศกับหอการค้าไทยจีน กับ ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน และคณะ โดยถือว่าเป็นการทำหน้าที่ครั้งแรก ของเศรษฐา ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

เศรษฐา ทวีสิน.jpg

เศรษฐา กล่าวก่อนหารือระบุว่า วันนี้ถือเป็นการทำงานอย่างเต็มตัวครั้งแรก รู้สึกดีใจที่ได้กลับมาที่นี่ครั้งที่ผ่านมานโยบายเคยออกมาในอดีต ตั้งแต่ตั้งแต่ ไทยรักไทย พลังประชาชน จนถึงเพื่อไทย ถือว่าเป็นนโยบายที่โดนใจประชาชนมาโดยตลอด เราเป็นพรรคที่ให้ความสำคัญต่อเรื่องเศรษฐกิจ และการค้าระหว่างประเทศสูงสุด

ซึ่งวันนี้ ตนไม่อยากจะลงรายละเอียดมากมาย ในเรื่อง 8 ปีที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าเราสามารถทำได้ดี และจะทำได้ดีมากขึ้นอีก ไทยต้องการผู้นำที่ออกไปเปิดตลาดการค้าให้กับประเทศ ที่เราจะต้องมีการพบปะเจรจากับนักธุรกิจจีน และ ผู้นำประเทศเพื่อที่จะให้ ให้มูลค่าทางการลงทุนดีขึ้น

เศรษฐา ทวีสิน.jpg

เศรษฐา กล่าวต่อไปว่า ก่อนหน้านี้ไทยขาดดุลการค้ากับจีนค่อนข้างมาก แต่ไม่เป็นไร ตนเชื่อว่าจีนเป็นชาติที่มีความสามารถ และ มีความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีที่ดี

เศรษฐา กล่าวปิดท้ายว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ถ้าพรรคเพื่อไทยได้รับความไว้วางใจจากประชาชนและ ได้เข้ามาบริหารจัดการประเทศประเทศจีนจะเป็นประเทศที่เราให้ความสำคัญมากขึ้น


ต้องเร่งฟื้น การค้า ลงทุน โลจิสติกส์ เกษตร ท่องเที่ยว

สำหรับการหารือ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นร่วมกันระหว่างพรรคเพื่อไทย และหอการค้าไทย-จีน มีการพูดคุยใน 4 ประเด็นหลัก ได้แก่ นโยบายด้านการคมนาคม ท่องเที่ยว เกษตร และสังคมผู้สูงอายุ โดยหอการค้าไทย-จีน ได้สอบถามถึงนโยบายด้านคมนาคม ซึ่งจะเชื่อมต่อกับรถไฟความเร็วสูงของจีนที่เชื่อมถึงลาวนั้น เผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เสนอข้อคิดเห็นว่า พรรคเพื่อไทยมีนโยบายพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษนำร่องใน 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพ เชียงใหม่ ขอนแก่น และหาดใหญ่ ซึ่งจะมีการพัฒนารถไฟเชื่อมใน 4 เขตเศรษฐกิจใหม่นี้ไปพร้อมกันด้วย สอดคล้องกับข้อคิดเห็นของ นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ที่เสนอให้มีโครงการรถไฟความเร็วปานกลาง ซึ่งสามารถสร้างแล้วเสร็จเร็วกว่ารถไฟความเร็วสูง 

เศรษฐา ทวีสิน.jpg

ผู้แทนจากหอการค้าไทย-จีน ได้สอบถามถึงนโยบายเกษตร โดยเฉพาะราคาข้าว ซึ่งนายเผ่าภูมิ กล่าวว่า จะมีการเพิ่มผลิตภาพ ราคา และต้นทุน โดยลงพื้นที่ศึกษาค้นคว้าจนพบว่า มีวิธีการเพิ่มผลผลิตได้ 3 เท่า รวมทั้งการสนับสนุนต้นทุนด้วยนโยบายลดต้นทุนให้ต่ำลง ส่วนมาตรการสนับสนุนด้านราคาและการหาตลาดใหม่ให้สินค้าเกษตร พรรคเพื่อไทยจะหาตลาดใหม่ไว้ จากนั้นจะผลิตให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาด

จักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังมีแนวคิดการทำการเกษตรโซนนิ่ง โดยเกษตรกรจะทราบราคาสินค้าเกษตรล่วงหน้า และปลูกตามที่ตลาดต้องการ กระทรวงพาณิชย์ซึ่งมีหน้าที่เปิดตลาด ต้องออกไปหาตลาดใหม่ๆ ด้วย 

เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วินัยการเงิน การคลังก็มีความสำคัญ หากมีวิกฤตสำคัญที่กระทบต่อการผลิตและความต้องการจึงเข้าไปสนับสนุนด้านราคา เพราะในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้ทำหน้าที่ที่ดีในการเป็นเซลแมน ไทยเป็นประเทศขนาดเล็ก ต้องถ่อมตัว ต้องมีความภาคภูมิใจในตัวเรา ซึ่งเป็นหน้าที่นายกรัฐมนตรีที่ต้องไปเปิดตลาดใหม่ๆ ในต่างประเทศ เพื่อนำโควต้าการค้าขายกลับมาเป็นรายได้ให้ประเทศไทยอีกครั้ง

เศรษฐา ทวีสิน.jpg

ภายหลังการหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกัน ณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน ให้สัมภาษณ์ว่า ตนสนับสนุนทุกพรรคการเมืองที่ทำให้ประเทศชาติมีความเจริญมากขึ้น ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาหอการค้าไทย-จีน ได้ตอบสนองและสนับสนุนการทำงาน ซึ่งการหารือแลกเปลี่ยนในวันนี้ มี 5 แนวทางของพรรคเพื่อไทยที่น่าสนใจ ทั้งการค้าการลงทุน โลจิสติกส์ การเกษตร การท่องเที่ยว ฯลฯ ซึ่งถือว่าเป็นแนวทางที่ดีพอสมควร 

เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การหารือระหว่างกันในครั้งนี้เป็นไปด้วยดี ทางหอการค้าไทย-จีน ได้เสนอแนะแนวคิดที่น่าสนใจหลายด้าน เช่น การพัฒนาระบบโลจิสติกไทย เชื่อมจีนผ่านลาว การแก้ไขข้อติดขัดของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ใช้ระยะเวลาขอวีซ่านาน ปัญหาการตรวจหนังสือเดินทางที่ไม่คล่องตัว รวมถึงการทำธุรกิจในไทยที่มีความยุ่งยาก ซึ่งมีข้อเสนอในออกกฎหมายใหม่ เพื่อตัดตอนกฎหมายเดิมที่ยุ่งยาก หากพรรคเพื่อไทยได้รับโอกาสจะเข้ามาแก้ไขปัญหาดังกล่าว