อีกทั้งการไม่ได้เป็น ‘ทหาร’ มาก่อน จะคุยกับทหาร ‘ภาษาเดียวกัน’ ได้หรือไม่ ซึ่งก็ต้องอาศัย ‘อดีตทหาร’ มาเป็น ‘คีย์แมน’ ข้างกาย
สำหรับอดีต ‘บิ๊กทหาร’ ที่ ‘สุทิน’ คุ้นเคยก็จะอยู่ในขั้ว ‘ไทยรักไทย-เพื่อไทย’ ได้แก่ ‘บิ๊กแอ๊ด’ พล.อ.ธรรมรักษ์ อิศรางกูร ณ อยุธยา อดีต รมว.กลาโหม สมัยรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกรัฐประหาร 19 ก.ย. 2549 คาตำแหน่ง
‘บิ๊กโอ๋’ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต อดีต รมว.กลาโหม สมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่โดนสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติถอดถอนตัดสิทธิการเมือง 5 ปี ในยุค คสช. หลังรัฐประหาร เมื่อปี 2557
‘บิ๊กอ๊อด’พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี อดีตแม่ทัพภาคที่ 4 ในยุครัฐบาลทักษิณ จบ ตท.9 ที่สำคัญเป็นรุ่นพี่ ‘นายทหารปกครอง’ ของ ตท.10 ที่เป็นรุ่นของ ‘ทักษิณ’
‘บิ๊กแป๊ะ’พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ โดย พล.อ.นิพัทธ์ จบ ตท.14 เริ่มต้นชีวิตราชการเป็น ‘ทหารเสือฯ’ เหมือนกับ พล.อ.ประยุทธ์ (ตท.12) ในตำแหน่งผู้บังคับหมวดปืนเล็ก กองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) ก่อนจะมาเติบโตสายยุทธการ ก่อนข้ามมาเติบโตที่กระทรวงกลาโหม
สำหรับ พล.อ.นิพัทธ์ เป็นที่รู้จักช่วงก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร ปี 2557 ด้วยท่าที ‘ประนีประนอม’ เปรียบเป็น ‘กันชน’ ให้กับ ‘เพื่อไทย-กองทัพ’
เช่น การนำผู้นำเหล่าทัพเข้าอวยพรวันเกิด พล.อ.ประยุทธ์ ขณะเป็น ผบ.ทบ. เป็นต้น โดยในขณะนี้ พล.อ.นิพัทธ์ เป็น ‘ทีมที่ปรึกษา’ ของ ‘ชัชชาติ สิทธิพันธุ์’ ผู้ว่าฯ กทม.
สำหรับ ‘สุทิน’ เคยถูกนำตัว ‘เข้าค่าย’ เพื่อ ‘ปรับทัศนคติ’ หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 ยาว 7 วัน แบ่งเป็นที่ จ.ราชบุรี 3 วัน จ.ร้อยเอ็ด 4 วัน
ซึ่งในเรื่องนี้ ‘สุทิน’ ว่ากันว่า ‘สุทิน’ ไม่ติดใจอะไรแล้ว เพราะเรื่องผ่านมาแล้ว และพยายามทำความเข้าใจเหตุการณ์ในอดีต
อย่างไรก็ตาม ‘สุทิน’ ก็เข้าใจ ‘ข้อจำกัด’ ต่างๆ ในการต้องเป็น รมว.กลาโหม เพราะเป็น ‘หน่วยงานเฉพาะ’ ที่แตกต่าง ‘กระทรวงพลเรือน’ ด้วยโครงสร้าง-วัฒนธรรม ท่าทีของ ‘สุทิน’ ก็เป็นไปด้วย ‘การรอมชอม’ มากกว่า ‘ใช้ไม้แข็ง’
โดย ‘สุทิน’ ระบุว่า ไม่ว่ากระทรวงไหน ถ้าเราเข้าไปทำงาน ตนยึดหลัก 2 ข้อ
1.ต้องให้เกียรติกันทุกฝ่าย
2.ต้องยึดความเป็นจริง ถ้าสิ่งไหนทำได้เร็วก็ทำเร็ว สิ่งไหนทำไม่ได้ ติดข้อจำกัดอะไรก็เข้าใจกัน เดินไปพร้อมๆ กัน
ส่วนนโยบายการ ‘ปฏิรูปกองทัพ’ ในส่วนของ ‘เศรษฐา’ เคยระบุไว้ว่าจะเน้นการ ‘พัฒนาร่วมกัน’ มากกว่าการ ‘ปฏิรูป’
ส่วน ‘สุทิน’ กล่าวในเชิงหลักการว่า หลังได้ ครม. ชุดใหม่แล้ว ก็ต้องคุยนโยบาย รัฐบาล ที่ต้องฟังทุกพรรค ฟังหน่วยปฏิบัติ ฝ่ายการเมืองต้องช่วยประสาน แก้ข้อติดขัดต่างๆ ซึ่งในขณะนี้ยังเป็นเพียงนโยบายของแต่ละพรรคเท่านั้น
การจัดเก้าอี้ ‘ครม.เศรษฐา 1’ ชื่อ ‘สุทิน’ มานั่ง รมว.กลาโหม ถือว่า ‘เหนือคาดหมาย’ ว่ากันว่าเพราะ ‘โควตารัฐมนตรี’ ของพรรคร่วมรัฐบาลไม่ลงตัว จึงสะเทือนมาถึง ‘เพื่อไทย’ และทำให้ต้องหาบุคคลมาลงเก้าอี้ รมว.กลาโหม เพื่อให้เป็น ‘โควตาเพื่อไทย’ ไม่ตกเป็น ‘โควตากลาง’ ที่จะทำให้ ‘เพื่อไทย’ เสียโควตานี้ไป
เพราะชื่อที่จะมาเป็น ‘โควตากลาง’ ก่อนหน้านี้ คือ ‘บิ๊กเล็ก’พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่ทำงานใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
สำหรับ พล.อ.ณัฐพล สมัยเป็นนายทหาร ทบ. เติบโตมาจาก ‘สายยุทธการ’ จบ ตท.20 รุ่นเดียวกับ ‘บิ๊กแดง’พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ อดีต ผบ.ทบ.
เมื่อ 3 ปีก่อน เป็นยุคที่ ตท.20 ขึ้นเป็น ผบ.เหล่าทัพ พร้อมกันทั้งหมด เปรียบเป็น ‘ขุมกำลังใหญ่’ ที่ยังมี ‘พลัง’ อยู่ ก่อนจะส่งต่อมายัง ตท.22 ที่ในวันนี้เข้ายุค ตท.23-24 เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งพลัง ตท.20 ยังมีพลัง ‘นอกกองทัพ’ ด้วย โดยเฉพาะกับ ทบ. ดังนั้นการส่ง พล.อ.ณัฐพล มาชิงนั่ง รมว.กลาโหม จึงถูกมองว่าจะมาเป็น ‘หลักประกันทางอำนาจ’ หรือไม่ด้วย
ชื่อ พล.อ.ณัฐพล ก็มีท่าทีในการเป็น ‘กันชนอำนาจ’
ในรุ่น ตท.20 ยังมีอีกชื่อที่เคยติดโผ รมว.กลาโหม
คือ ‘บิ๊กณัฐ’พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่เป็นสายตรง ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ แห่ง ‘บ้านป่ารอยต่อ’ ซึ่งในกองทัพยุคที่มีพล.อ.ประวิตร เป็น รมว.กลาโหม ช่วงปลายยุค คสช. เป็นช่วงที่ ตท.20 ขึ้นมาเป็น ผบ.เหล่าทัพ พอดี ในส่วนของ ทบ. ที่มี พล.อ.อภิรัชต์ เป็น ผบ.ทบ. แม้จะคนละสายกับ พล.อ.ประวิตร เพราะ พล.อ.อภิรัชต์ โตมาจาก ร.11 รอ. ส่วน พล.อ.ประวิตร โตมาจาก พล.ร.2 รอ. ก็ได้ พล.อ.ณัฐ คอยเชื่อมประสานให้
แต่สุดท้ายชื่อ พล.อ.ณัฐ ก็หายไป และปรากฏชื่อ ‘บิ๊กน้อย’พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีต ปธ.ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ มีชื่อติดโผเป็น รมว.กลาโหม ขึ้นมาแทน สำหรับ พล.อ.วิชญ์ เป็น ตท.11 ที่ติดกับ ตท.10 อีกทั้ง พล.อ.วิชญ์ ถือเป็นสายตรง พล.อ.ประวิตร ด้วย
หลัง พล.อ.วิชญ์ ลาออกจาก ‘สมาชิก พปชร.’ หันหลังให้การเมือง ไปทำงานด้านกีฬาเพียงอย่างเดียว เพราะ พล.อ.วิชญ์ เป็น เลขาธิการ คณะกรรมการโอลิมปิคไทยฯ
และตามมาด้วยรายงานข่าว พล.อ.วิชญ์ ลาออก เพราะไม่อยากอยู่ ‘ขวางหูขวางตา’ ใคร หลังจากที่มีชื่อชิง รมว.กลาโหม แต่มีบางคนติงว่า ไม่ได้มีบทบาทใดในพรรค ทั้งที่ไม่เคยขอตำแหน่งใดๆ
เรียกได้ว่าเป็นการเปลี่ยน รมว.กลาโหม ในรอบ 9 ปี เปลี่ยนมือจากขั้วอำนาจ ‘3ป.บูรพาพยัคฆ์’ ที่ ‘พลิกขั้ว’ มาเป็นซีก ‘เพื่อไทย’ แทน
จึงต้องจับตาว่า ‘สุทิน’ จะเชื่อมประสาน ‘ขุนพลทหาร’ อย่างไร
และ ‘เพื่อไทย’ ที่ถูกมองว่าเป็น ‘ขั้วตรงข้าม’ กับ ‘กองทัพ’ จะถอดสลัก ‘รัฐประหาร’ ในอนาคตได้หรือไม่
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
