ไม่พบผลการค้นหา
นิด้าโพล ระบุ ประชาชนที่หนุนเปิดสถานบันเทิงถึง 04.00 น. ให้เฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ แต่ไม่มั่นใจว่าการขยายเวลาปิดผับจะช่วยพยุงรายได้จากการท่องเที่ยวหรือไม่

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง "ปิดผับตี 4" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 26 – 27 ส.ค. 2562 จากประชาชนที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และอาชีพ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,257 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับแนวคิดที่จะขยายเวลาปิดสถานบันเทิง เฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ เช่น ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น จากเวลา 02.00 น. ออกไปเป็นเวลา 04.00 น.

จากการสำรวจ เมื่อถามถึงการไปเที่ยวสถานบันเทิงในยามค่ำคืนของประชาชน พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 60.94 ระบุว่า ไม่เคยไป ขณะที่ ร้อยละ 39.06 ระบุว่า เคยไป

ซึ่งเมื่อถามผู้ที่เคยไปถึงความถี่ในการเที่ยวสถานบันเทิงยามค่ำคืน ในช่วง 1 ปี ที่ผ่านมา พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 48.07 ระบุว่า มีบ้างแล้วแต่โอกาส/เทศกาล รองลงมา ร้อยละ 32.79 ระบุว่า ไม่ได้ไปเลย ร้อยละ 12.83 ระบุว่า เดือนละครั้ง ร้อยละ 4.48 ระบุว่า อาทิตย์ละวัน ร้อยละ 1.63 ระบุว่า เกือบทุกวัน (3 – 5 วัน/สัปดาห์) และร้อยละ 0.20 ระบุว่า ทุกวัน (7 วัน/สัปดาห์) 

ส่วนความคิดเห็นของประชาชนต่อแนวคิดที่จะขยายเวลาปิดสถานบันเทิง เฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ เช่น ภูเก็ต พัทยา เป็นต้น จากเวลา 02.00 น. ออกไปเป็นเวลา 04.00 น. พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 43.36 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว เพราะ ไม่ดึกจนเกินไป เพื่อจะได้ไม่รบกวนเวลาพักผ่อนของคนที่พักอาศัยใกล้กับสถานบันเทิง และผู้ที่ประกอบอาชีพในตอนเช้า และการขยายเวลาออกไปก็ไม่สามารถทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น อาจก่อให้เกิดอาชญากรรมและอุบัติเหตุเพิ่มขึ้น ขณะที่บางส่วนระบุว่า ควรให้การสนับสนุนในด้านอื่นน่าจะดีกว่า 

รองลงมา ร้อยละ 27.84 ระบุว่า ควรอนุญาตให้ปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ เช่น ภูเก็ต พัทยา เพราะ เป็นการดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้ามาประเทศมากขึ้น สามารถทำให้เกิดเงินหมุนเวียน เศรษฐกิจภายในประเทศดีขึ้น สถานบันเทิงจะได้มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ทำให้นักท่องเที่ยวมีเวลาเที่ยวได้อย่างเต็มที่ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ควรมีการแบ่งโซนให้เหมาะสม มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่ดีพอ 

ร้อยละ 7.88 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิง ยามค่ำคืนในประเทศไทย เพราะ เพื่อลดการเกิดปัญหาอาชญากรรม ลดอุบัติเหตุ และจะได้ไม่เกิดเสียงดังรบกวนการพักผ่อนในยามค่ำคืน ขณะที่บางส่วนระบุว่า ไม่ชอบเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ร้อยละ 6.92 ระบุว่า ควรอนุญาตให้ปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ เพราะ เพื่อให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เป็นการสร้างรายได้ให้กับประเทศ ขณะที่บางส่วนระบุว่า เป็นการเพิ่มช่วงเวลาในการหารายได้ให้กับคนขับเเท็กซี่ 

ในขณะที่ ร้อยละ 6.84 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง ก่อนเวลา 02.00 น. เพราะ เป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกเกินไป อาจทำให้เกิดการทะเลาะวิวาท ปัญหาอาชญากรรม และอุบัติเหตุได้ง่าย ขณะที่บางส่วนระบุว่า ควรให้การสนับสนุนในด้านอื่นน่าจะดีกว่า ร้อยละ 6.60 ระบุว่า ไม่ทราบ/ ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.56 ระบุอื่นๆ ได้แก่ ควรปิดสถานบันเทิง เวลา 03.00 น. เพราะ คิดว่าน่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดไม่ช้าเกินไป

โดยในจำนวนของผู้ที่ระบุว่าเคยไปสถานบันเทิง ส่วนใหญ่ ร้อยละ 39.92 ระบุว่า ควรอนุญาตให้ปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ เช่น ภูเก็ต พัทยา รองลงมา ร้อยละ 39.72 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว ร้อยละ 9.57 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ ร้อยละ 5.09 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง ก่อนเวลา 02.00 น. ร้อยละ 3.05 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย ร้อยละ 2.04 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.61 ระบุอื่น ๆ 

ส่วนผู้ที่ระบุว่าไม่เคยไปสถานบันเทิง ส่วนใหญ่ ร้อยละ 45.69 ระบุว่า ปิดสถานบันเทิง เวลา 02.00 น. เหมาะสมดีอยู่แล้ว รองลงมา ร้อยละ 20.11 ระบุว่า ควรอนุญาตให้ปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เฉพาะแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวต่างชาติ เช่น ภูเก็ต พัทยา ร้อยละ 10.97 ระบุว่า ไม่ควรอนุญาตให้มีสถานบันเทิงยามค่ำคืนในประเทศไทย ร้อยละ 7.96 ระบุว่า ควรปิดสถานบันเทิง ก่อนเวลา 02.00 น. ร้อยละ 5.22 ระบุว่า ควรจะอนุญาตปิดสถานบันเทิง เวลา 04.00 น. เหมือนกันทั่วประเทศ ร้อยละ 9.53 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่แน่ใจ และร้อยละ 0.52 ระบุอื่น ๆ 

ท้ายที่สุด เมื่อถามถึงความมั่นใจของประชาชนต่อการขยายเวลาปิดสถานบันเทิงในเมืองท่องเที่ยว ว่าจะช่วยพยุงรายได้จากการท่องเที่ยวในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัว พบว่า ส่วนใหญ่ ร้อยละ 37.39 ระบุว่า ไม่มั่นใจเลย รองลงมา ร้อยละ 27.76 ระบุว่า ไม่ค่อยมั่นใจ ร้อยละ 16.39 ระบุว่า ค่อนข้างมั่นใจ ร้อยละ 14.64 ระบุว่า มั่นใจมาก และร้อยละ 3.82 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง