ไม่พบผลการค้นหา
'เสรีพิศุทธ์' ขอ 'ประยุทธ์' ทบทวนตัวเองบ้าง เหตุปล่อยบ้านเมือง ให้มาเฟียไทยเทศครอบงำ ยืนยันหากกาเบอร์ 25 ปัญหาแบบนี้หมดประเทศ

18เมษายน 2566 พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย  ลงพื้นที่ตลาดนัดลุงเพิ่ม ตลาดนัดหลังบริษัทการบินไทย แนะนำนายอนุพันธ์ ธราดลรัตนากร ผู้สมัครกทม.เขตหลักสี่ - จตุจักร เบอร์4 พรรคเสรีรวมไทยและนโยบายพรรค14ข้อที่ใช้หาเสียง รวมทั้งรณรงค์ให้ประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งวันที่14พ.ค.

หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทยกล่าวว่า ขอให้ประชาชนใช้ดุลพินิจว่า  ควรสนับสนุนคนดีให้ปกครองบ้านเมืองหรือประชาชนจะปล่อยให้คนไม่ดีและคนซื้อเสียงเข้ามาบริหารประเทศ ยืนยันพรรคหาเสียงแบบบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรแอบแฝง ตรงไปตรงมาที่ไม่มีอะไรตอบแทนวันนี้  แต่หลังเลือกตั้งจะใช้นโยบายพรรคตอบแทนสังคมที่หาเสียงไว้ตามสัญญาประชาคม  

4 ปีที่แล้วพรรคของตนได้รับการยอมรับจากทุกฝ่าย วันนี้ก็เช่นกัน  ย้ำว่านโยบายพรรคสิบสี่ข้อนั้นโดดเด่นทุกข้อ ประชาชนทั่วประเทศจะได้ประโยชน์แน่นอน และวิธีหาเสียงนั้น  พรรคของตนไม่ใช่พรรคใหญ่ เน้นการลงพื้นที่พบประชาชน และไม่ใช้งบเยอะ ไม่รู้ว่าพรรคอื่นใช้งบเกินและผิดกฎหมายหรือไม่ 

พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์กล่าวว่า 33เขตในกทม.นั้นตนหวังว่าประชาชนจะลงคะแนนให้ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย เบอร์25และผู้สมัครส.ส.เขตนี้ เบอร์ 4 เพื่อเป็นตัวแทนชาว กทม.ในการทำหน้าที่ส.ส.ในพรรคของตนอีกหนึ่งคน และขอคะแนนเบอร์25ให้ล้นทะลัก เพื่อที่จะได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล นโยบายสิบสี่ข้อของพรรคทำได้จริง

โดยเฉพาะนโยบายพรรค ข้อ 7.ปราบทุจริต พิชิตคนพาล อภิบาลคนดี คืนงบให้ประชาชน และ8.ปฎิรูปตำรวจนั้น รับรองว่าทำได้จริง แปดปีที่เศษที่ผ่านมาธุรกิจสีเทาที่มีคนไทยและคนต่างชาติร่วมมือกันนั้น คดีความเกิดขึ้นเยอะจนน่าอับอายว่าประเทศไทยเป็นแหล่งพักและที่ทำกินของมาเฟียต่างชาติและคนไทยที่ทำผิดกฎหมายไปแล้วหรือ ล่าสุดคนไทยบางกลุ่มนำคนจีนที่หนีหมายจับจากประเทศแล้วมาหากินในเมืองไทย โดยคนไทยกลุ่มนี้จับคนจีนคนนั้นลงกล่องแล้วเรียกค่า ถามไปยังนายกรัฐมนตรีและสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า อับอายบ้างไหม ไม่รู้ว่าเปิดช่องให้กระทำผิดกันแบบนี้ได้อย่างไร 

“นโยบายพรรคสองข้อที่ตนระบุไว้ เชื่อมั่นได้เกินร้อยว่า ทำได้แน่นอน ขอเพียงคะแนนบริสุทธิ์ให้พรรคเสรีรวมไทย ขอให้ประชาชนลงคะแนนให้พรรคเสรีรวมไทยแบบไม่ให้อายพรรคอื่นๆ ตนจะสะสางปัญหาเหล่านี้ที่เกิดในช่วงที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาบริหารประเทศเอง ขอเวลาไม่นาน ขยะใต้พรมเหล่านี้จะหมดไปในยุคที่ตนทำงานเป็นรัฐบาลแน่นอน”