พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ในฐานะประธานกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ระบุภายหลังประชุม ก.ตร.ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติถึงเหตุการณ์ลอบวางระเบิดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร 5 ครั้ง ใน 9 เหตุการณ์ จนมีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่งว่า แม้จะมีผู้บาดเจ็บไม่มากหนัก แต่มีเพียงคนเดียวก็รับไม่ได้ โดยได้มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไปดูแลผู้บาดเจ็บแล้ว และไม่อยากให้มีใครเดือดร้อน ทั้งนี้ ฝากคนทุกคนช่วยคิด ว่าจะแก้ปัญหาความมั่นคงและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินได้อย่างไร ซึ่งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารทำอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องแก้ปัญหาแบบองค์รวม โดยประชาชนต้องมีส่วนร่วม โดยเฉพาะผ่านช่องทางโซเซียลมีเดียและโทรศัพท์มือถือ เพื่อส่งเบาะแสให้เจ้าหน้าที่ โดยเหตุที่เกิดขึ้นมีกล้องซีซีทีวีจับภาพผู้ต้องสงสัยไว้ได้ จึงอยากได้ภาพเหล่านี้จากประชาชนด้วย หากเห็นสิ่งที่ไม่ปกติ และไม่น่าไว้วางใจ ขอให้ถ่ายรูปและนำหลักฐานส่งให้เจ้าหน้าที่
พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ตนได้สั่งการรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้บูรณาการการทำงาน ซึ่งเป็นน่ายินดี ที่จับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน ที่จ.ชุมพร ภายในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการสอบสวน ซึ่งขอให้เป็นเรื่องของกระบวนการ อย่างน้อยขณะนี้ยืนยันได้ว่า เป็นผู้ก่อเหตุจริง เพราะหลักฐานชัดเจนจากกล้องซีซีทีวี และวัตถุพยานหลายอย่าง แต่อย่าเพิ่งด่วนสรุปสาเหตุที่เกิดขึ้น แต่อยากให้ทุกคนคิดว่า ทำไม 5 ปีที่ผ่านมา เรื่องเหล่านี้ลดน้อยไปและแทบจะไม่เกิดขึ้นเลย และทำไมจึงเกิดขึ้นในช่วงนี้
ย้ำทุกคนต้องช่วยให้ประเทศปลอดภัย เตือนสื่อหยุดขยายความ
นายกรัฐมนตรี ยังระบุว่าต้องมองสถานการณ์ในวันนี้ว่าเกิดอะไรขึ้น ซึ่งขณะนี้มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ซึ่งเป็นวาระสำคัญที่มีหลายประเทศด้วยกัน แล้วทำไมเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น เคยมีตัวอย่างมาแล้วหรือเปล่า จึงต้องไปสอบและทบทวนว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง ในอดีตที่ผ่านมาก็มีหลายอย่างเชื่อมโยงกับกลุ่มเก่าๆอยู่ แต่ก็ไม่ได้ตัดประเด็นใดเลย และพวกเราต้องช่วยกัน ทำให้ประเทศเราปลอดภัยกว่านี้ ตราบใดก็ตามที่ยังมีคนไม่ดีอยู่ เหตุการณ์ก็พร้อมจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เหมือนต่างประเทศที่มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นตลอด ดังนั้น อยู่ที่เราจะเข้มแข็งพอหรือไม่ โดยเฉพาะประชาชน
ขณะเดียวกัน ขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ พร้อมขอร้องว่าในขณะที่ตนมารับหน้าที่ ขอสื่ออย่าเพิ่งขยายความและไปสอบถามคนที่ไม่เกี่ยวข้อง เพราะอาจทำให้กระบวนการเสียหายได้ แต่ตนได้ย้ำในเรื่องการทำหน้าที่ให้ระมัดระวังมากที่สุด วันนี้มีรัฐบาลที่มาจาการเลือกตั้งแล้ว และได้รับการยอมรับจากทุกประเทศ แม้มีคนไปพูดจาอะไรก็ตาม แต่ทุกประเทศก็แสดงความยินดีและอยากให้รัฐบาลนี้ทำหน้าที่ต่อไป และไม่มีประเทศไหนรังเกียจ และเข้าใจว่าที่ผ่านมาเราเผชิญสถานการณ์อะไรบ้าง พร้อมยินดีที่ทำทุกอย่างสำเร็จพอสมควร ซึ่งประเทศไทยมีศักยภาพเป็นจำนวนมาก ถ้าไม่ทำลายและพูดจาให้เสียหายกันเอง ดังนั้นสิ่งเก่าๆ สิ่งเดิมๆ จะต้องช่วยกันเปลี่ยนแปลง จากคนที่รักประเทศชาติ ต้องช่วยทำให้ประเทศเดินหน้าไปข้างหน้าได้ ขณะที่องค์กรทุกองค์กร รวมถึงทหารและตำรวจ ต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฏหมายและสนับสนุนรัฐบาลทุกรัฐบาล ไม่ใช่การสืบทอดอำนาจ
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดให้น้ำหนักไปที่ประเด็นทางการเมืองมากกว่าประเด็นอื่นๆ หรือไม่นั้น พลเอกประยุทธ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ทิ้งประเด็นใดเลย แต่สรุปแค่ว่าตอนนี้มีคนไม่ดีกระทำการขึ้นมา จะได้เหตุผลใด ก็จะมีการสอบสวนต่อไป ว่าเชื่อมโยงกับกลุ่มใดบ้าง ซึ่งขออย่าใจร้อน เพราะเพิ่งเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ก็ทำเต็มที่ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน และมีการตั้งด่านสกัดทุกเส้นทาง ทั้งตำรวจและทหาร ซึ่งเป็นการบูรณาการ จนจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความเชื่อมโยงกันหรือไม่นั้น ยังตอบไม่ได้ในตอนนี้ ซึ่งต้องไปดูว่าเกิดเหตุช่วงเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกันหรือไม่
ส่วนจะเชื่อมโยงกับกลุ่มผู้ก่อเหตุในพื้นที่ภาคใต้หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "มีมั้ง แต่หากมองแง่เดียวว่าขึ้นมาเพื่อให้เกิดเหตุในพื้นที่ภาคใต้ก็คงไม่ใช่ เพราะอย่าลืมว่าการใช้บริการก็มี ซึ่งหลายเรื่องก็เคยเกิดขึ้น เป็นบทเรียนในช่วงที่ผ่านมา"
'ผบ.ตร.' ยัน ตร.ยอมรับนายกฯ
ส่วนมีเหตุการณ์ลอบวางวัตถุคล้ายระเบิด หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ก่อน ที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาแค่วันเดียว เป็นการสร้างสถานการณ์ว่าตำรวจไม่ยอมรับนายกรัฐมนตรีหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ หันไปสอบถามยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ว่าตำรวจไม่ยอมรับหรือ ซึ่งผบ.ตร.ได้กล่าวตอบว่า “ยอมรับครับ”
ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะกล่าวต่อว่า ไม่เกี่ยว ตนมาดูแลตำรวจและดูแลประชาชน ผ่านตำรวจ ดังนั้นจึงคิดว่าไม่มีตำรวจที่ไม่พอใจตน เพราะอยู่ด้วยกันมาหลายปี และเป็นพี่น้องกัน ตั้งแต่ตนเป็นผู้บัญชาการทหารบก ดังนั้นต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน แต่ย้ำว่าเหตุการณ์ที่เกิดที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ เป็นการทำลายประเทศของเรา ใครที่ทำก็แล้วแต่ ถือเป็นกลุ่มบุคคลที่ใช้ไม่ได้ ต้องไม่มีที่ยืน
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมาทุกคน กำลังอยู่ในช่วงดีใจที่ได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งที่เพิ่งจบและการแถลงนโยบายรัฐบาลที่ผ่านไปด้วยคสามเรียบร้อย และไม่คิดว่าจะมีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่ทุกคนก็ระมัดระวังอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
ย้ำไม่งัดกฎหมายพิเศษคุมเข้มเหตุป่วน ยันคุมเข้มสถานที่ราชการ- สถานทูต
นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ยืนยันว่า ยังไม่ต้องใช้กฏหมายพิเศษ เพราะมีกฏหมายปกติอยู่แล้ว รวมถึงใช้กระบวนการสืบสวนสอบสวนปกติ อย่างไรก็ตาม เมื่อมีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ต้องมีการคุมเข้มและเพิ่มมาตราการในสถานที่ราชการ และสถานที่เชิงสัญญลักษณ์ รวมถึงสถานที่ ที่มีการประชุมและสถานฑูต ส่วนมั่นใจว่าความคุมสถานการณ์ได้หรือไม่นั้น ยืนยันว่า ทำงานอย่างเต็มที่ แต่ขอให้ทุกคนช่วยกัน
ส่วนกรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ระบุว่าผู้ก่อเหตุเป็นกลุ่มเดิมนั้น ทำไมถึงยังกวาดล้างไม่ได้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บางคนก็หลบหนีไป ซึ่งได้สอบพบความเชื่อมโยงอยู่บ้างกับหลายกลุ่ม ทั้งที่ติดคุกอยู่แล้ว ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์ประเทศเสียหายหรือไม่ ในช่วงที่มีการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน แน่นอนว่า คนก่อเหตุหวังเช่นนั้น ก็อย่าให้สมหวัง ต้องเพิ่มมาตราการในการดูแลคุ้มครองให้ ซึ่งทุกคนก็พอใจ
พล.อ.ประยุทธ์ ยังระบุถึงหน้าที่ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ที่หลายคนมองว่าตนเองจะรู้เรื่องเศรษฐกิจหรือไม่นั้นว่า ไม่มีใครรู้ทั้งหมดทุกเรื่องแต่ที่ผ่านมาตลอด 5 ปีได้ผ่านการบริหารประเทศมาแล้วจึงทราบว่าอะไรที่เป็นปัญหาหรืออุปสรรค ดังนั้นการตั้ง ครม. เศรษฐกิจก็เอารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาหารือกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้า
'ประยุทธ์' ประเดิมถก ก.ตร. กำชับขอความร่วมมือมากขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ พล.อ.ประยุทธ์ ได้เข้าร่วมประชุม ก.ตร. คัร้งที่ 7/2562 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทันทีที่เดินทางมาถึงได้ร่วมพิธีตรวจแถวกองเกียรติยศก่อนจะวางพุ่มถวายสักการะ พระบรมราชนุสาวรีย์ รัชกาลที่ 4 และสักการะพระบรมรูปหล่อ รัชกาลที่ 9 ก่อนร่วมประชุม ก.ตร.ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
โดยพล.อ.ประยุทธ์ ระบุในที่ประชุม ก.ตร. ว่า เป็ฯโอกาสแรกที่ต้องมรรับผิดชอบในฐานะประธาน ก.ตร.หวังว่าจะทำให้การทำงานมีความต่อเนื่อง วันนี้ต้องมาพูดคุยหลายเรื่องทั้งเรื่องกฎหมายเรื่องการแต่งตั้งรวมถึงนโยบายและยังหวังด้วยว่าจะได้รับความร่วมมือเหมือนเดิมหรือมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชน
ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยในรอบพื้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีกองอารักขาและควบคุมฝูงชนจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 กว่า 50 นาย กระจายกำลังดูแลรักษาความปลอดภัยรอบพื้นที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า การประชุม ก.ตร. ได้มีการแก้ไขกฏระเบียบของ ก.ตร. ในเรื่องการพิจารณาการเลื่อนตำแหน่ง โดยให้ยึดหลักความอาวุโส ซึ่งคล้ายคลึงกับการพิจารณาการเลื่อนแหน่งของทหาร และการพิจารณาแต่งตั้งตำรวจให้เป็นความรับผิดชอบของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติที่จะพิจารณาในภาพรวมและตามความเหมาะสม โดยยืนยัน ไม่ยอมให้มีการซื้อขายตำแหน่งโดยเด็ดขาด และการแต่งตั้งต้องเป็นไปด้วยความสุจริตและยุติธรรม
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำถึง แนวทางการปฏิรูปตำรวจ ทั้งด้านองค์กร บุคลากร และการปฏิบัติงาน ซึ่งในวันนี้ได้มีการสั่งการให้มีการตั้งศูนย์ปฏิบัติงานตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล เช่น เรื่อง การแก้ไขปัญหาการประมงผิดกฎหมาย และศูนย์ติดตามและปราบปรามการกระทำทางไซเบอร์ ให้มีความชัดเจนขึ้น
'ภราดร' ชี้เหตุระเบิดดิสเครดิตรัฐบาล
พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร ที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทยและอดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) กล่าวถึง เหตุระเบิดต่อเนื่องในกรุงเทพมหานครหลายจุดตั้งแต่วันน���้ว่า มองได้ 2 ขาคือ เป็นการทำลายความเชื่อถือหรือดิสเครดิตรัฐบาล จากปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าและความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งเชื่อว่าเป็นแรงจูงใจเพียงพอที่ทำให้มีผู้ก่อเหตุได้ แต่ส่วนตัวยังไม่เชื่อว่าเชื่อมโยงกับความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่ผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องก็ควรระมัดระวังไว้ด้วย กับขาที่ 2 คือ มีการสร้างสถานการณ์ขึ้นเพื่อกลบกระแสข่าวที่รัฐบาลถูกโจมตี ในหลายๆด้านทั้งการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบถ้วนและปัญหาอื่นๆ
พล.ท.ภราดร มองว่า หากรัฐบาลและผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุได้ ก็จะสามารถคลี่คลาย ว่าสาเหตุที่แท้จริงในการก่อเหตุคืออะไร ซึ่งทางผู้บัญชาการทหารบก ก็ออกมาระบุแล้วว่า พอทราบกลุ่มผู้ก่อเหตุในเบื้องต้นและในทางการข่าวก็รู้ก่อนแล้วว่าจะมีการก่อเหตุ โดยส่วนตัวหากดูการก่อเหตุ มีลักษณะเตรียมการมาก่อนล่วงหน้า
ข่าวที่เกี่ยวข้อง