รายงานประจำปี 2020 ของสถาบันรอยเตอร์สด้านข่าวดิจิทัลพบว่า คนใช้อินสตาแกรมในการติดตามข่าวสารเพิ่มขึ้นจากปี 2018 เป็น 2 เท่า โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่อายุ 18-24 ปี
จากการสำรวจพบว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 1 ใน 3 ใช้อินสตาแกรม และ 2 ใน 3 ของจำนวนนี้เป็นคนอายุต่ำกว่า 25 ปี และร้อยละ 11 ใช้อินสตาแกรมติดตามข่าวสาร ตามหลังทวิตเตอร์เพียง 1 จุดเท่านั้น
นิค นิวแมน หัวหน้าทีมเขียนรายงานฉบับนี้ระบุว่า อินสตาแกรมได้รับความนิยมมากในกลุ่มคนอายุน้อย และพวกเขามักตอบสนองได้ดีกับเรื่องราวที่เล่าให้เข้าใจง่ายพร้อมภาพประกอบต่างๆ โดยช่วงหลายเดือนมานี้ สตอรี่บนอินสตาแกรมที่มีภาพโดดเด่นมักจะได้ความสนใจมากเป็นพิเศษในอินสตาแกรม ไม่ว่าจะเป็นประเด็นการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ การเคลื่อยไหวต่อต้านการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติ Black Lives Matter และโควิด-19
ทีมผู้เขียนรายงานคาดการณ์ว่า ปีหน้า อินสตาแกรมจะแซงทวิตเตอร์ในฐานะแพลตฟอร์มที่ใช้ในการติดตามข่าวสาร ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่ผู้สื่อข่าวต้องตระหนักได้แล้วว่า แม้ผู้สื่อข่าวจะชอบใช้ทวิตเตอร์มากกว่า แต่ทวิตเตอร์อาจสะท้อนความเห็นของสาธารณะน้อยกว่า
ทั้งนี้ นิวแมนมองว่า แพลตฟอร์มหนึ่งไม่จำเป็นต้องมาแทนที่อีกแพลตฟอร์มหนึ่ง คนหนึ่งอาจทั้งเฟซบุ๊กและอินสตาแกรม หรือใช้ทวิตเตอร์และอินสตาแกรม
โซเชียลมีเดียก็เป็นหนึ่งในแหล่งข่าวที่ได้รับความไว้วางใจน้อยที่สุดโดยมีคนเพียงร้อยละ 26 ที่เชื่อถืออินสตาแกรมว่าเป็นแหล่งข้อมูลที่ไว้ใจได้ในการติดตามข่าวเกี่ยวกับโควิด-19 ใกล้เคียงกับแอปฯ แชทอื่นๆ อย่างเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์ และวอทส์แอป
รายงานนี้ตั้งข้อสังเกตว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอาจบรรเทากระแสการไม่ไว้วางใจสำนักข่าวลงได้ชั่วคราว โดยที่ผ่านมา มีคนเพียงร้อยละ 38 เชื่อข่าวส่วนใหญ่ที่ตนได้รับ และน้อยกว่าร้อยละ 46 ที่เชื่อถือแหล่งข่าวที่ตัวเองชอบ และการสอบถามคนจาก 40 ประเทศ มีเพียง 6 ประเทศเท่านั้นที่คนส่วนใหญ่เชื่อข่าวส่วนใหญ่ที่ตัวเองได้รับ แต่หลังจากการสอบถามในเดือนเม.ย.เป็นต้นมา ร้อยละ 59 ตอบว่าเชื่อถือข่าวจากรัฐบาลและสำนักข่าวต่างๆ ในการให้ข้อมูลเกี่ยวกับโควิด-19
ที่มา : BBC, Advanced Television