พรรคไทยรักษาชาติ หาเสียงและปราศรัยที่อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรีนำโดยนายจาตุรนต์ ฉายแสง ประธานยุทธศาสตร์พรรค, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ประธานรณรงค์หาเสียง, ศาตราจารย์สุชาติ ธาดาธำรงเวช แกนนำพรรค, นายพิชัย นริพทะพันธุ์ คณะทำงานเศรษฐกิจและนายประภัสร์ จงสงวน กรรมการยุทธศาสตร์พรรค เริ่มจากการเดินพบประชาชน ที่ห้างฮาเบอร์มอลล์ แหลมฉบัง ก่อนขึ้นรถแห่รอบเมือง เชิญชวนประชาชนไปร่วมฟังการปราศรัยที่สวนสาธารณะเกาะลอย
นายจาตุรนต์ กล่าวว่า การหาเสียงจะเน้นนโยบายการแก้ปัญหาเศรษฐกิจโดยรัฐบาลประชาธิปไตย หยุดการสืบทอดอำนาจ ที่ยังถือว่าเป็นปัญหาของประเทศอย่างชัดเจน ส่วนสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. ที่ยังไม่ชัดเจน โดยเฉพาะประเด็นว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือไม่นั้น นายจาตุรนต์ ระบุว่า พล.อ.ประยุทธ์ ถือว่ามีอำนาจเหนือรัฐ หรือเป็นยิ่งกว่าเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะมีอำนาจสั่งการระบบราชการ มีอำนาจยกเลิกหรือยกเว้นคำสั่งทั้งหลายทั้งปวงได้
ดังนั้น จึงน่าจะเข้าข่ายขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามที่ไม่สามารถเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้ ดังเช่นหลายฝ่ายให้ความเห็นไว้ อย่างไรก็ตามเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือศาลรัฐธรรมนูญตามกระบวนการ ที่จะต้องให้ความชัดเจนหรือดำเนินการให้สังคมเกิดความกระจ่าง
'ณัฐวุฒิ' บี้ 'ประยุทธ์' ประกาศสถานะให้ชัด
นายณัฐวุฒิ เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ พิจารณาสถานะตัวเองและบอกกับประชาชนให้ชัดเจน เพราะขณะนี้ดูเหมือนว่าประชาชนและพล.อ.ประยุทธ์เอง ต่างสับสนและไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ไนสถานะไหน เนื่องจากที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์บอกว่า ตัวเองไม่ได้สืบทอดอำนาจแต่วางเกมไว้สืบทอดอำนาจ, บอกว่าเป็นบุคคลสาธารณะ แต่คนอื่นวิจารณ์ไม่ได้และหากไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ แต่ยังกินเงินเดือนหลวงและใช้อำนาจรัฐได้ ซึ่งการที่คนไม่รู้จักตัวเองแต่มีอำนาจมากมาย ถือเป็นเรื่องอันตรายและเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ไม่ควรให้สืบทอดอำนาจได้สำเร็จ
สำหรับพื้นที่จังหวัดชลบุรีที่มี 8 เขตเลือกตั้ง พรรคไทยรักษาชาติส่งผู้สมัคร 4 เขต ซึ่งนายณัฐวุฒิ เชื่อมั่นในตัวผู้สมัครว่าเป็นบุคคลคุณภาพและที่ผ่านมาประชาชนตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่และปัญหาหลายอย่างจากการบริหารงานที่ผิดพลาดของรัฐบาล คสช. ล้วนกระทบกับชาวชลบุรี จึงเชื่อว่าผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐจะไม่ได้รับการสนับสนุนและพรรคไทยรักษาชาติ จะเป็นความหวังให้คนชลบุรีและจะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งครั้งนี้
ประธานรณรงค์หาเสียงพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวด้วยว่า การหาเสียงจะเน้นการนำเสนอนโยบายและจุดยืนประชาธิปไตยที่คัดค้านการสืบทอดอำนาจ พร้อมย้ำว่า จะไม่พูดเกี่ยวกับเรื่องคดียุบพรรคโดยเด็ดขาด และกรรมการบริหารพรรคจะยังไม่ลงพื้นที่ช่วยผู้สมัครหาเสียง รวมถึงในวันที่ 1 มีนาคม ที่จะมีการปราศรัยใหญ่ที่ลานคนเมืองกรุงเทพฯ ด้วย ส่วนกำหนดการปราศรัยพื้นที่ต่างๆ ส่วนใหญ่ยังคงเดิม ยกเว้นวันที่ 2-3 มีนาคม
สำหรับการปราศรัยที่จังหวัดพิจิตรและพิษณุโลก ต้องเลื่อนออกไปก่อน หลังวันที่ 7 มีนาคมจะพิจารณากันใหม่ ส่วนวันที่ 5 มีนาคม ยังคงจะเปิดเวทีปราศรัยและหาเสียงที่จังหวัดพังงาและภูเก็ตตามเดิม