ทวิตเตอร์ได้แนบเครื่องหมายให้คนสามารถอ่านข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องที่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตเมื่อวันที่ 26 พ.ค. โดยทวิตเตอร์ได้ระบุว่า 2 ทวีตของทรัมป์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาได้ให้ข้อมูลผิดๆ ว่าการลงคะแนนเสียงทางไปรษณีย์เป็นการโกงการเลือกตั้ง พร้อมกับแนบลิงก์ข่าวของซีเอ็นเอ็น, เดอะวอชิงตันโพสต์และเดอะฮิลล์ ที่อธิบายข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการส่งบัตรเลือกตั้งไปทางไปรษณีย์
เคที รอสโบโร โฆษกของทวิตเตอร์กล่าวว่า ทวีตดังกล่าวมีเนื้อหาที่อาจสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับกระบวนการเลือกตั้ง จึงมีการขึ้นเครื่องหมายพร้อมให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการเลือกตั้งทางไปรษณีย์
การขึ้นเครื่องหมายให้ผู้ใช้สามารถอ่านข้อเท็จจริงเกี่ยวกับทวีตของทรัมป์เกิดขึ้นครั้งนี้ครั้งแรก หลังทวิตเตอร์ถูกวิจารณ์มานานว่าไม่สามารถแก้ปัญหาการเผยแพร่ข้อมูลผิดและบิดเบือนของผู้นำโลก แต่ท่าทีดังกล่าวยิ่งสร้างความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลสหรัฐฯ และบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ในซิลิคอนแวลลีย์ช่วงที่กำลังจะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ วันที่ 3 พ.ย.นี้
โดยทรัมป์ทวีตต่อว่าทวิตเตอร์พยายามแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งนี้ “พวกเขาบอกว่าสิ่งที่ผมพูดว่าการเลือกตั้งทางไปรษณีย์นำไปสู่การคอร์รัปชันและโกงเลือกตั้งไม่ถูกต้อง โดยตรวจสอบโดย ‘ข่าวปลอม’ ของซีเอ็นเอ็นและเดอะวอชิงตันโพสต์” และกล่าวหาว่าทวิตเตอร์จำกัดเสรีภาพในการแสดงออก
ช่วง 14 ปีที่ผ่านมา ทวิตเตอร์มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่จัดการข้อมูลปลอมจากผู้นำโลกและผู้ใช้ทั่วไป แต่ทวิตเตอร์ก็อ้างว่า ทวิตเตอร์ต้องการให้ผู้ใช้มีส่วนร่วมในการถกเถียงบนทวิตเตอร์และให้ข้อมูลที่ถูกต้องกันเอง แต่ทรัมป์มักทวีตข้อมูลเท็จและโจมตีคนอื่นอยู่บ่อยครั้งจนหลายคนมองว่าเป็นการละเมิดนโยบายด้านการคุกคามและกลั่นแกล้งของทวิตเตอร์
ทวิตเตอร์มีผู้ใช้ประมาณ 330 ล้านบัญชีทั่วโลก จึงไม่มีทรัพยากรมากพอจะมีทีมงานตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด ต่างกับเฟซบุ๊กที่มีผู้ใช้มากถึง 2,600 ล้านคนทั่วโลก มีรายได้มากกว่า และปรับให้มีการแนบลิงก์ข้อเท็จจริงที่โพสต์ที่มีเนื้อหาเป็นเท็จมาหลายปีแล้ว แต่ทวิตเตอร์หันมานโยบายขึ้นเครื่องหมายตรวจสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่ช่วงมี.ค.ที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐฯ รวมถึงทวีตของผู้นำโลกด้วย โดยเฉพาะทวีตที่เกี่ยวข้องกับไวรัสโคโรนา
ก่อนหน้านี้ ทวิตเตอร์ได้ลบทวีตของฌาอีร์ โบลโซนารู ประธานาธิบดีบราซิล และนิโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลาที่พูดถึงการฝ่าฝืนมาตรการเว้นระยะทางสังคมและรักษาโรคอย่างผิดๆ ซึ่งอาจสร้างความอันตรายให้กับผู้อื่นได้ ซึ่งทวีตลักษณะนี้มีความรุนแรงเกินกว่าจะขึ้นเครื่องหมายเตือนเท่านั้น
รศ.โจชัว พาเซก อาจารย์ด้านการสื่อสารและสื่อสารมวลชนของมหาวิทยาลัยมิชิแกนกล่าวว่า เห็นได้ชัดว่า เว็บไซต์โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่การพูดคุยด้านประชาธิปไตย จึงต้องตรวจตราขอบเขตการพูดคุยเหล่านั้น การที่ทวิตเตอร์ใช้มาตรการนี้ชี้ให้เห็นว่ามาถึงจุดที่ทวิตเตอร์มองเห็นว่า การรักษาประชาธิปไตยสำคัญกว่าการวางตัวเป็นกลาง
ที่มา : The Washington Post, BBC
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: