วันที่ 13 มิ.ย. 2566 ที่ทำรเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน) มีการรายงานเรื่องคดีหุ้นไอทีวี หรือไม่ ว่า ไม่ได้คุย เพราะเรื่องนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอยู่แล้ว และอย่าลืมว่าที่ยืนอยู่ตรงนี้เป็นอำนาจบริหาร ซึ่งอำนาจบริหาร อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจตุลาการ เป็นคนละอำนาจกันอยู่ใครอยู่ตรงไหนก็ทำตรงนั้นไปแล้วกัน เข้าไปก้าวล่วงซึ่งกันและกันมันก็ยุ่งไปหมดและวันนี้มันก็ยุ่งพออยู่แล้ว ก็ให้เขาทำงานไป
ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เข้าพบวานนี้ (12 มิ.ย.) มีอะไรเป็นกรณีพิเศษหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า ไม่มี ก็เรียกมาหารือเรื่องโน้นเรื่องนี้ที่เกี่ยวกับการปฏิบัติตามกฏหมาย หลายๆเรื่องก็กำชับไป โดยเรื่องที่มีการร้องทุกข์เข้ามาก็ต้องมีการแก้ปัญหาเพื่อให้เป็นไปตามกฏหมายทุกประการ ซึ่งต้องร่วมมือกันทั้งผู้บังคับใช้กฎหมายและคนที่ยึดถือกฎหมายเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วยรถบรรทุก ตนเคยบอกไปหลายครั้งถ้าช่วยกันแบบนี้ ประชาชนออกมาช่วยกันหรือร้องทุกข์กล่าวโทษเราก็จะดำเนินการให้ทุกประการ ไม่ได้มีการเบี่ยงเบนประเด็นอะไรทั้งสิ้น ซึ่งก็ต้องมาดูว่ามีการทำผิดหรือเปล่า พร้อมย้ำว่าวันนี้มีการสั่งการให้ตรวจสอบชัดเจน รวมถึงกระทรวงคมนาคมในเรื่องของน้ำหนักรถบรรทุกด้วย เพราะฉะนั้นวันนี้ก็เข้มงวดทุกอันจับทุกคัน ตำรวจที่เกี่ยวข้องก็ต้องถูกลงโทษทางวินัยหรือทางอาญาก็ว่ากัน
เมื่อถามว่า การพบ ผบ.ตร.ยังไม่ได้มีการคุยกรณีที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะเดินทางกลับประเทศไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่า "ผมจะไปคุยเรื่องอะไรล่ะ และผมควรจะไปยุ่งกับเขาไหมล่ะ“
เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติอยู่ภายใต้ การกำกับดูแลของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “อำนาจใครล่ะ ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล เป็นเรื่องของกฎหมาย”
เมื่อถามย้ำว่า นายกฯในฐานะกำกับดูแล สตช. ทักษิณ ได้ประสานมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ประสานได้อย่างไร” ก่อนจะถามย้ำว่า “ผมถามประสานยังไง ผมจะไปรับปากกับท่านได้อย่างไร”
เมื่อผู้สื่อข่าวบอกว่า ไม่ได้หมายความว่ารับปาก แต่การจะกลับไทยของนักโทษหนีคดีจะต้องมีการประสานหรือไม่ ถ้าประกาศว่าจะเดินทางกลับประเทศไทย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ก็ไม่ต้องประกาศอะไรทั้งสิ้น ถ้ากลับมาก็ดำเนินคดี ก็จบ อยู่ในขั้นตอนของกฎหมายมีอยู่แล้ว ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรทั้งสิ้น ตนไม่ใช่ศัตรูของใครทั้งสิ้น มีประเด็นทางกฎหมายก็ไปแก้ทางกฎหมายนะจ๊ะ
“ไม่ใช่นายกฯจะทำได้ทุกอย่างนะ จะบอกให้นะ ก็ต้องทำทุกอย่างด้วยความระมัดระวัง เป็นอำนาจของใครก็ของใครก็ว่ากันไปนะจ๊ะ ไม่งั้นจะเกิดความขัดแย้งกันแบบนี้แหละ ถ้าเราเอาความขัดแย้ง ประเทศชาติก็เดินไม่ได้ อย่าลืมว่าเราอยู่ในสายตาของโลกเขาด้วย ปัญหามันจะเกิดได้ในด้านเศรษฐกิจการลงทุน ทั้งในและต่างประเทศ รัฐบาลต้องระมัดระวังอย่างที่สุด ในเรื่องการรักษาวินัยทางการเงินการคลัง ทำอะไรก็ต้องคิดไปให้ไกล อย่าคิดใกล้ๆ คิดใกล้มันก็ไม่พ้นสักที มันก็ติดหล่มอยู่แบบนี้ ปัญหาก็เกิดขึ้นอยู่แบบนี้ ต้องมองว่าเราจะอยู่กันอย่างไรในระยะยาว ผมไม่ได้ขัดแย้งกับใคร ยินดีด้วยซ้ำไป ถ้าตั้งรัฐบาลใหม่ได้ตามกรอบเวลาที่กำหนด มันก็ดีใช่ไหม ต่างประเทศเขาก็รอดูอยู่”
เมื่อถามว่า ถึงเวลาสลายขั้วชินวัตร และขั้วอื่นๆแล้วหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ไม่มีขั้วอะไรทั้งนั้น เราไปแยกขั้วกันเอง”