จากกรณี รายการ Law of The Jungle ตอนที่ 370 ที่ได้มาถ่ายทำในประเทศไทย บริเวณอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม และในรายการ มีการจับ "หอยมือเสือ" ซึ่งเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง 3 ตัวมาประกอบอาหารกิน จนนำไปสู่การดำเนินคดีตามกฎหมาย และเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมาก ในประเทศไทยและเกาหลีใต้ ล่าสุด เช้าวันนี้ (8 ก.ค.) ตัวแทนกลุ่มแฟนรายการ Law of The Jungle Gallery ได้ออกมาประกาศจุดยืนว่า
“จากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำรายการในประเทศไทย โดยตอนแรกทางรายการออกมาชี้แจงผ่านสื่อว่า ไม่มีการละเมิดข้อกำหนดและกฏหมายตลอดการถ่ายทำในประเทศไทย และได้รับอนุญาตถ่ายทำอย่างถูกต้อง แต่เมื่อวันที่ 5 ก.ค. ทางรายการได้ออกมาขอโทษในประเด็น ที่มีการ จับหอยมือเสือ และชี้แจงว่าไม่ทราบในรายละเอียดของกฏหมายไทย ขณะที่เมื่อวันที่ 7 ก.ค. สื่อในประเทศไทยได้มีการเปิดเผยเอกสารข้อตกลงการถ่ายทำ ระบุว่า ในการถ่ายทำจะไม่มีการล่าสัตว์ในประเทศไทย และไม่มีการออกอากาศที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการล่า พร้อมลงนามโดย โปรดิวเซอร์ของรายการ
ซึ่งในรายละเอียดของ หนังสือขออนุญาตถ่ายทำรายการ Law of the Jungle ของโปรดิวเซอร์ โช ยองแจ ระบุว่า ขออนุญาตเข้าถ่ายทำในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ตั้งแต่วันที่ 26 มี.ค. - 3 เม.ย. และพร้อมจะปฏิบัติตามข้อตกลงดังนี้
1.จะไม่มีการถ่ายทำและการนำเสนอเนื้อหาเกี่ยวกับการล่าสัตว์ในประเทศไทย
2.ทางรายการมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของเนื้อหาโดยจากตอนแรกที่มีการกำหนดให้ผู้เข้าร่วมรายการใช้ชีวิตและค้างคืนในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเพื่อถ่ายทำและนำเสนอภาพการเดินทางและการทำกิจกรรมต่างๆ
โดยหลังจากถ่ายทำกิจกรรมต่างๆ แล้วเสร็จ ทีมงานและผู้เข้าร่วมรายการทุกคนจะออกไปค้างคืนที่เกาะลิบงในพื้นที่ส่วนตัว และจะไม่พักค้างคืนในพื้นที่เป็นของอุทยานแห่งชาติ
จากเอกสารที่ได้เปิดเผยออกมา พวกเราข้อเรียกร้องกับทาง Law of The Jungle Gallery ดังนี้
“จากสิ่งที่เกิดขึ้นเห็นได้ชัดเจนว่าการกระทำของรายการเป็นการจงใจฝ่าฝืนข้อกำหนดของการขออนุญาตถ่ายทำในไทย ได้ระบุไว้ ซึ่งพวกเราขอตำหนิอย่างรุนแรงต่อรายการ Law of The Jungle ที่กระทำสิ่งอันซึ่งเสื่อมเสียเกียรติเช่นนี้ ด้วยการกระทำที่ไร้ความรับผิดชอบของทีมงานรายการ ทำให้เกิดความเสื่อมเสียถึงดาราที่เข้าร่วม จนกลายเป็นผู้กระทำผิดและต้องเข้ารับการสอบสวนและพิจารณาโทษตามกฏหมายของไทย
เราขอเรียกร้องให้กระทรวงการต่างประเทศให้ความช่วยเหลือในการดำเนินการทางกฎหมายกับดาราที่ต้องถูกสอบสวนในเรื่องนี้ พร้อมกับเรียกร้องให้ทางรายการเป็นผู้รับผิดชอบถึงค่าปรับและค่าดำเนินการต่างๆ และเนื่องจากรายการ Law of The Jungle ได้มีประเด็นด้านลบเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และกลายเป็นรายการที่ผู้ชมไม่สามารถมอบความไว้วางใจได้ต่อไป ทำให้พวกเราขอเรียกร้องต่อทาง SBS พิจารณาอย่างจริงจังถึงการยุติการออกอากาศของรายการ”
ขณะที่วันนี้ ทางรายการ ได้ออกแถลงการณ์มาอีก 1 ฉบับ ถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ที่เกิดขึ้น โดยระบุว่า ทางรายการต้องขอโทษกับปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ หลังจากดำเนินการสอบสวนอย่างละเอียด ทางสถานีโทรทัศน์ SBS จะดำเนินมาตรการณ์อย่างเข้มงวด นอกจากนี้ ทางรายการพร้อมรับผิดชอบ กรณีของนักแสดงสาว อียูลอึม เพื่อไม่ให้เธอได้รับผลกระทบในทางลบ
ลักลอบจับหอยมือเสือ นอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต
นายนริศโรจน์ เฟื่องระบิล ประธานคณะกรรมการพิจารณาคำขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ และวีดิทัศน์จากต่างประเทศที่เข้ามาถ่ายทำในไทย (คณะที่ 2) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้เผยแพร่ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Fuangrabil Nariaroj ระบุว่า มีผู้สอบถามรายละเอียดเรื่องรายการสารคดีของเกาหลีไปจับหอยมือเสือจึงขอสรุปเรื่องราวและการดำเนินการ ตามที่ได้รับชี้แจงจากทางกรมการท่องเที่ยวเพื่อทราบคร่าวๆ ดังนี้
1.รายการ The Law of Jungle เป็นการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ซึ่งกรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้อนุมัติให้ บริษัท เดอะ ซิกซ์ เอลลิเม้นท์ จำกัด ผู้ประสานงานการถ่ายทำของบริษัท SCB Broadcasting center สาธารณรัฐเกาหลี เข้าดำเนินการ ถ่ายทำรายการโทรทัศน์ ในบริเวณหาดเจ้าไหม เกาะแหวน และเกาะมุก ของอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ในวันที่ 29 มีนาคม 2562 และ 1-3 เมษายน 2562
2. ซึ่งเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม ได้ชี้แจงระเบียบและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้บริษัทดังกล่าวทราบและถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด หากมีการฝ่าฝืนจะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายฯ พร้อมมอบหมายให้หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ จม.3 (เกาะกระดาน) เป็นผู้แทนกำกับดูแลการถ่ายทำรายการโทรทัศน์ อย่างเคร่งครัด
3. ทั้งนี้ภาพการจับหอยมือเสือและและนำหอยมือเสือมากิน เจ้าหน้าที่อุทยานหาดเจ้าไหม ประสานติดต่อกับคุณพัชราพร ตระกูลชวลิต ผู้ประสานงาน บริษัท เดอะ ซิกซ์ เอลลิเม้นท์ จำกัด ทราบว่าเป็นการถ่ายทำนอกพื้นที่ที่ได้รับอนุญาต โดยเป็นการถ่ายทำในวันที่ 2 เมษายน 2562 บริเวณอ่าวโล๊ะอุดง เกาะมุกด์ ม.2 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง
4. ซึ่งข้อเท็จจริงในวันที่ 2 เมษายน 2562 บริษัท SCB Broadcasting center สาธารณรัฐเกาหลี เข้าดำเนินการถ่ายทำ บริเวณอ่าวสบาย เกาะมุก โดยมีหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ จม.3 (เกาะกระดาน) เป็นผู้แทนกำกับดูแล แต่เนื่องจากมีคลื่นลมแรงมาก ไม่สามารถถ่ายทำได้ บริษัท SCB Broadcasting center สาธารณรัฐเกาหลี ได้ประสานหัวหน้าอช.หาดเจ้าไหม ให้จัดเรือเพื่อจะขอเคลื่อนย้ายทีมงาน นักแสดง กลับไปยังที่พัก
5. ในวันนั้นทางคณะแจ้งกับ เจ้าหน้าที่กรมอุทยานที่ควบคุมว่า ขอยุติการถ่ายทำ แต่จริงๆ ได้แอบขึ้นเรือไปนอกพื้นที่ที่อนุญาตให้ถ่ายทำและไปดำน้ำจับหอยมือเสือโดยพลการ
6. อช.หาดเจ้าไหม จึงได้แจ้งร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกันตัง ให้ดำเนินคดีในความผิดแห่งพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2504 และพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 ด้วยแล้ว ตามบันทึกประจำวัน ลงวันที่ 3 กรกฎาคม 2562 เวลา 20.50 น. เล่มที่ 0013/2562 เลขที่ 0007
7. ในส่วนของ Film Board ได้ทำการ blacklist กับ producer รายการดังกล่าวไม่ให้เข้ามาถ่ายทำในไทยอีก และทำทัณฑ์บน บ.ผู้ประสานงาน อีกทางหนึ่งด้วยแล้ว
8. ทาง producer จงใจฝ่าฝืนกฏ. ทาง Film Board อนุญาตให้ถ่ายทำสารคดีในส่วนของโลเคชั่น แต่เราไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาทำลายทรัพยากรธรรมชาติของเราเด็ดขาด ! ตอนอนุญาตทางเกาหลีก็มีหนังสือยืนยันว่าจะเคารพกฏ แต่สุดท้ายก็ฝ่าฝืนจึงต้องลงโทษขั้นสูงสุดเท่าที่ทำได้คือ blacklist และดำเนินการทางกฏหมายต่อไป
9. ส่วนที่มีผู้สงสัยว่าทำไมแจ้งความดำเนินคดีช้า ก็ได้รับการอธิบายจากจนท.ว่า ตอนที่คณะอยู่ในไทย ไม่มีใครทราบในส่วนของการที่แอบไปบันทึกเทปนอกพื้นที่ๆได้รับอนุญาต (ตอนจับหอยมือเสือ) จนกระทั่งมีเทปรายการออกที่เกาหลี จึงทราบ และได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงจนนำไปสู่การแจ้งความดำเนินคดี
จากกรณีดังกล่าว คณะกรรมการพิจารณาภาพยนตร์และวีดิทัศน์ ได้มีเจตจำนงชัดเจนว่า อนุญาตให้คณะถ่ายทำเข้ามาถ่ายทำตามบทภาพยนตร์ที่ได้รับอนุญาต แต่ไม่อนุญาตให้ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมของไทยเด็ดขาด เมื่อทั้งบริษัท SBS Broadlcasting Center สาธารณรัฐเกาหลี ผู้ผลิตและ บริษัท เดอะ ซิกซ์ เอลลิเม้นท์ จำกัด ผู้ประสานงานการถ่ายทำ มีหนังสือยืนยันรับเงื่อนไขดังกล่าว เป็นลายลักษณ์อักษร แต่ในการดำเนินการ จริง ยังฝ่าฝืนมติคณะกรรมการฯ โดยถ่ายทำนอกเหนือจาก บทภาพยนตร์ที่ได้รับอนุญาต และทำลายทรัพยากรธรรมชาติของไทย จึงให้ดำเนินการ ดังนี้
1. ทำทัณฑ์บนตักเตือนบริษัท เดอะซิกซ์ เอลลิเม้นท์ จำกัด ผู้ประสานงานการถ่ายทำ
2. ให้กรมการท่องเที่ยวลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยด่วน หากพบว่า เป็นการกระทำ ที่ฝ่าฝืนพระราชบัญญัติภาพยนตร์และวีดิทัศน์ พ.ศ. 2551 จะตำเนินการทางกฎหมายกับคณะถ่ายทำต่อไป
ทั้งนี้ กรมการท่องเที่ยวจะ แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวง การต่างประเทศ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและกรมการจัดหางาน ทราบด้วย
หอยมือเสือ
หอยมือเสือ (GIANT CLAMS) เป็นหอยในกลุ่มหอยสองฝาที่มีขนาดใหญ่ที่สุด มีสีสันและลวดลายที่สวยงาม พบแพร่กระจายอยู่เฉพาะในทะลเขตร้อนแถบอินโดแปซิฟิกเท่านั้น ทั่วโลกพบหอยมือเสือ 8 ชนิด ปัจจุบันพบหอยมือเสืออาศัยอยู่ในในประเทศไทย 3 ชนิดคือ Tridacna squamosa, T. maxima และ T. crocea
หอยมือเสือ อาศัยอยู่ตามแนวปะการังที่ระดับน้ำตื้น ลึกไม่เกิน ๒๐ เมตร เพราะต้องอาศัยแสงสว่าง เพื่อให้สาหร่ายซึ่งอาศัยอยู่ในเนื้อเยื่อ สามารถสังเคราะห์แสงได้ หอยชนิดนี้จึงถูกจับขึ้นมากิน หรือ ขาย ได้ง่าย และแทบจะสูญพันธุ์ในหลายพื้นที่
"หอยมือเสือ" เป็น "สัตว์ป่าคุ้มครอง" จัดอยู่ในบัญชีสัตว์สงวนและคุ้มครองประเภท 2 ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535 คือ "ห้ามล่า ห้ามมี และห้ามซื้อขาย ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกไม่เกิน 4 ปี ปรับไม่เกิน 4 หมื่นบาท / เปลือกของหอยมือเสือถือเป็นซากสัตว์ป่า เช่นเดียวกับปะการัง ที่ห้ามซื้อขาย รวมทั้งห้ามนำมาวางประดับ ใช้เป็นที่เขี่ยบุหรี่ หรือที่ใส่สบู่ตามโรงแรมและร้านอาหาร อีกทั้ง ยังได้รับการขึ้นบัญชีในรายชื่อสัตว์และพืชที่ใกล้สูญพันธุ์หรือหายากในอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดของสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้จะสูญพันธุ์ (CITES)
(ข้อมูล : กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง)