ไม่พบผลการค้นหา
"จตุพร" ชี้ปมเสียบบัตรพิจารณาร่างกฎหมายงบประมาณ 2563 ศาลต้องใช้มาตรฐานเดียวกับพิจารณาก.ม.เงินกู้ 2 ล้านล้าน พร้อมแนะ "พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์" ดู "ชวน" เป็นแบบอย่างในการควบคุมการประชุม ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. กล่าวในรายการหยิบข่าวมาคุย ทางสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมพีซทีวีประจำวันที่ 31 มกราคม 2563 ต่อกรณีการประชุมคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา หลัง นายสิระ เจนจาคะและนางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐในฐานะกรรมาธิการฯ โต้เถียงกับประธานกรรมาธิการฯ ต่อหน้าประธานสภาผู้แทนราษฎรที่เข้าไปนั่งสังเกตการณ์การประชุมกรรมาธิการฯหลังจากเกิดปัญหาความขัดแย้งหลายครั้ง จนกระทบต่อภาพลักษณ์ของสภาผู้แทนราษฎร โดยระบุว่า  

การประชุมของคณะกรรมาธิการป.ป.ช.ชุดนี้ มีการวิวาท รายสัปดาห์ด้วยตัวละครเดิมๆ และนานวันเข้าเชื่อว่าคนไทยเริ่มรำคาญ ซึ่งที่ผ่านมาตนได้แสดงความคิดเห็นต่อพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ เตมียาเวสประธานกรรมาธิการชุดนี้ว่า ควรจะมีภาวะการเป็นผู้นำ ซึ่งบทเรียนในครั้งนี้จะเห็นความแตกต่างตอนที่ นายชวน หลีกภัยประธานสภาผู้แทนราษฎรเข้าไปนั่งสังเกตการณ์และมีความพยายามที่จะให้นายชวนตอบคำถามหลายครั้งแต่นายชวนก็ใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว โดยวิธีการไม่พูดด้วย ดังนั้น พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์จะต้องดูนายชวนเวลาควบคุมการประชุมเป็นอย่างไร 

สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นในกรรมาธิการชุดนี้เป็นเพราะ พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์รู้อยู่แล้วว่า 3 คนที่เข้ามาเป็นกรรมาธิการมีหน้าที่มาป่วนเป็นรายสัปดาห์ แต่พลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ก็ไปเล่นในเกมเขา และดูเหมือนจะมีความสุขจากการได้เป็นข่าวทุกสัปดาห์ ดังนั้นหากพล ตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ไม่ลดตัวลงไปเล่นด้วย และดูนายชวนเป็นแบบอย่างก็สามารถควบคุมการประชุมได้ ทั้งนี้ตนขอเรียนร้อง ไปยังพลตำรวจเอกเสรีพิศุทธ์ว่าหากต้องการทำหน้าที่นี้จะต้องไม่เดินไปเข้าเกมเขา แต่หากทำไม่ได้ก็ไม่ควรนั่งเป็นประธานกรรมาธิการชุดนี้ 

ยกกรณีศาลวินิจฉัยร่างเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เป็นบรรทัดฐานพิจารณาก.ม.งบ 2563

ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ตราขึ้นโดยไม่ถูกต้องโดยบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือไม่หลังมีส.ส.เสียบบัตรแทนกันในการลงมติร่างกฎหมายดังกล่าวว่า จะต้องรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญให้เป็นที่ยุติ แต่ในส่วนของทางการเมืองก็ต้องเตรียมการโดยเฉพาะในซีกรัฐบาลแต่ส่วนตัวมองว่า ผู้นำรัฐบาลและผู้นำฝ่ายค้านต้องนั่งคุยกัน เพราะทั้ง 2 ฝ่ายได้ทำหน้าที่ในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายปี 2563 อย่างครบถ้วนและสมบูรณ์ แต่เมื่อมีกรณีการกดบัตรแทนกันเกิดขึ้น และศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยร่างพระราชบัญญัติเงินกู้ 2 ล้านล้านบาทไว้เป็นบรรทัดฐานแล้วจะคิดเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้ 

เมื่อศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัย อย่างน้อยที่สุดคนที่เป็นผู้นำต้องรู้วิธีการจัดการ และต้องมีความเชื่อมั่นว่าผู้นำฝ่ายค้านและพรรคฝ่ายค้านก็เป็นคนไทยมีความรักชาติเหมือนกันก็ไม่น่าจะยากที่จะไปพูดคุยกัน หากศาลมีคำวินิจฉัยตาม บรรทัดฐานเดิม ฝ่ายค้านและรัฐบาลจะร่วมมือกันโหวตให้ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณผ่าน 3 วาระรวด 

ส่วนกรณีที่นายวิษณุ เครืองามรองนายกรัฐมนตรีออกมาให้สัมภาษณ์ในทำนองว่า หากร่าง พระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ไม่ผ่านจะส่งผลกระทบเฉพาะในส่วนของการลงทุนโครงการใหม่เท่านั้น สำหรับส่วนอื่นๆ ก็สามารถดึงงบเก่ามาใช้ได้นั้นส่วนตัวมองว่า เป็นกระบวนการปกติที่สามารถนำมาใช้ได้บางเรื่อง แต่ไม่ใช่ทุกเรื่อง ดังนั้น นายวิษณุอาจจะไม่มีความกังวลใดๆ แต่คนไทยจะไปคิดตามนายวิษณุอย่างเดียวก็ไม่ได้เพราะทุกคนต่างเห็นผลกระทบว่าขนาดงบประมาณผ่าน ประเทศไทยก็ไม่รู้ว่าจะรอดกันหรือไม่ต่อสถานการณ์ความทุกข์ร้อนของประชาชน ดังนั้นคนในฟากรัฐบาลที่เป็นนักการเมืองก็มีความวิตก แต่นายวิษณุไม่ได้มาจากนักการเมืองไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งจึงมีความวิตกที่แตกต่างกัน  

นายจตุพรกล่าวถึงกรณีไวรัสโคโรน่าที่ล่าสุดหลายประเทศได้นำพลเมืองของประเทศตัวเองออกจากเมืองอู่ฮั่นแล้วแต่ประเทศไทยยังไม่สามารถพานักศึกษาและคนไทยกลับประเทศได้โดยระบุว่า ตนได้ฟังรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขตอบกระทู้ ในสภาผู้แทนราษฎร บอกว่าไม่เกินวันที่ 4 กุมภาพันธ์นี้สามารถรับคนไทยออกจากเมืองอู่ฮั่นได้ แล้วยังบอกอีกว่าทางการจีนไม่สะดวกให้เครื่องบิน C 130 ซึ่งเป็นเครื่องบินทหารเดินทางเข้าไป แต่ส่วนตัวมองว่า รัฐบาลมีทั้งการบินไทย และสายการบินอื่นอีกหลายสายการบิน ที่จะเช่าเหมาลำหรือสั่งการโดยเร่งด่วนได้ แต่ปัญหาคือ ทำไมต้องรอให้ถึงวันที่ 4 หรือภายในวันที่ 4 กุมภาพันธ์เนื่องจากหลายประเทศ ได้เดินทางมารับพลเมืองของตนกลับประเทศไปหลายประเทศแล้ว  

ดังนั้นสิ่งหนึ่งที่รัฐบาลจะต้องคลายความกังวลคือพาคนไทยกลับประเทศและกักตัวไว้ 14 วัน แต่หากรัฐบาลปล่อยไว้แบบนี้จะสะท้อนให้เห็นถึงการขาดประสิทธิภาพ ทำให้คนไทยตั้งคำถามว่าทำไมอเมริกาทำได้ แล้วทำไมประเทศไทยจึงทำไม่ได้ ทั้งที่ทางการไทยพึ่งซื้อเรือดำน้ำมาจากประเทศจีน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :