วันที่ 29 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเกิดผล แก้วเกิด ทนายความอิสระ ได้เปิดเผยหนังสือการรายงานของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. เรื่องการครอบครองนาฬิกาของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
หนังสือดังกล่าวลงวันที่ 25 พ.ค.2563 เป็นการแจ้งผลการพิจารณาต่อ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตสมาชิกวุฒิสภา โดยระบุว่า ตามที่นายเรืองไกร ได้ขอให้พิจารณาชี้มูลความผิด พล.อ.ประวิตร ฐานไม่แจ้งทรัพย์สินในมูลค่านาฬิกาหรูที่ยืมมา
ป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่า นายปัฐวาท สุขศรีวงศ์ เจ้าของนาฬิกา ให้ พล.อ.ประวิตร ยืมใช้ในโอกาสต่างๆ และ พล.อ.ประวิตร คืนให้เมื่อใช้เสร็จ การยืมดังกล่าวเป็นการยืมใช้คงรูป และการยืมใช้คงรูปแม้เป็นหนี้ แต่มิใช่่หนี้สินตามที่ ป.ป.ช. กำหนดให้ต้องแสดงในแบบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน เพราะตามคำอธิบายการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินท้ายแบบบัญชีรายการหนี้สินล้วนหมายถึงหนี้สินที่เป็นเงินตราเท่านั้น มิใช่เป็นการยืมใช้สอยได้เปล่าและมีการคืนทรัพย์ให้แก่ผู้ยืม ดังนั้น พล.อ.ประวิตร จึงไม่มีหน้าที่ต้องแสดงการยืมนาฬิกาในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน
เปิดช่องทุจริต ยืมบ้าน ที่ดินได้
ด้านทนายเกิดผล ขยายความว่า "คณะกรรมการ ป.ป.ช.วินิจฉัยว่า การยืมนาฬิการ เป็นการยืมทรัพย์คงรูป ไม่เหมือนยืมเงินตรา เพราะยืมมาแล้ว ทรัพย์คงรูปนั้น (นาฬิกา) ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของเพื่อนอยู่ ต่างกับการยืมเงินตรา ที่ยืมแล้ว เงินนั้นเป็นของผู้ยืม พล.อ.ประวิตร จึงไม่ต้องรายงานบัญชีทรัพย์สิน เพราะนาฬิกา เป็นของเพื่อน"
นายเกิดผล บอกกับ วอยซ์ออนไลน์ เพิ่มเติมว่า เป็นการวินัจฉัยที่ขัดแย้งต่อความรู้สึกของสังคม นำไปสู่ช่องทางการทุจริตในอนาคตได้ เพราะผู้ทุจริต จะเลี่ยงการรับเงินเป็นรับทรัพย์สินแทนและต่อสู้หรือแจ้งต่อ ป.ป.ช.ว่าเป็นการยืมทรัพย์คงรูป ตามคำวินิจฉัยครั้งนี้ของ ป.ป.ช.
"ต่อไปนักการเมืองอาจ ยืมรถ ยืมบ้าน ยืมที่ดิน ยืมทองคำ ยืมเพชร ได้เลย เพราะ ป.ป.ช.บอกไม่ต้องแจ้ง" ทนายเกิดผล กล่าว